สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นและซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปี (Royal Decorations Nomination System: RDENS)



pic - 1
pic - 2
pic - 3
previous arrow
next arrow
pic - 1
pic - 2
pic - 3
previous arrow
next arrow

เมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ – ๓ มีนาคม ๒๕๖๖ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้จัดกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นและซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับระบบการเสนอขอพระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์ประจำปี (Royal Decorations Nomination System: RDENS) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Application) ให้แก่ผู้แทนจากส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ที่สามารถเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือกและเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้ใช้งานเพื่อนำไปพัฒนาระบบ RDENS ให้มีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองการใช้งานได้ดียิ่งขึ้น และเตรียมความพร้อมให้กับผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติงานการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปีผ่านระบบ RDENS ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

นายธวัชชัย จันทร์ไพศาลสิน ผู้อำนวยการกองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดกิจกรรมว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้พัฒนาและปรับปรุงระบบ RDENS มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ และปัจจุบันได้ดำเนินการพัฒนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งระบบดังกล่าวมีคุณลักษณะสำคัญ คือ

๑.   ตรวจสอบคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์ของบัญชีท้ายระเบียบ ฯ  พ.ศ.  ๒๕๖๔

๒.   ตรวจสอบประวัติการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จากฐานข้อมูลทะเบียนฐานันดรของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

๓.   ประมวลผลชั้นตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่จะเสนอขอพระราชทาน

๔.   สร้างเอกสารการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์  ประกอบด้วยบัญชีแสดงจำนวนชั้นตรา  บัญชีแสดงคุณสมบัติ  และบัญชีแสดงรายชื่อ จากคุณลักษณะดังกล่าว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีความคาดหวังว่า ระบบ RDENS จะสนับสนุนส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้สามารถเสนอขอพระราชทานเครื่องราช อิสริยาภรณ์ประจำปีได้อย่างเรียบร้อย ถูกต้อง ครบถ้วน แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งลดค่าใช้จ่าย ภาระในการจัดทำเอกสาร และที่สำคัญคือ เป็นการป้องกันความผิดพลาดในเรื่อง
ที่รัฐบาลต้องนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณ โดยเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่มีหน่วยงานในสังกัดหรือในกำกับ จำนวน ๒๒ หน่วยงาน นำร่องใช้งานระบบ RDENS และเสนอความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงระบบดังกล่าวให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานดังกล่าวในการทดลองใช้ระบบ RDENS และเสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการนำไปพัฒนาระบบให้สามารถตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม และต่อมาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งเวียนให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐทุกแห่งที่จะเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปีใช้ระบบ RDENS ในการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปี ๒๕๖๖ และปีต่อ ๆ ไป ดังนั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจึงได้จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นและซักซ้อมความเข้าใจระบบ RDENS ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom Application) ให้แก่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๔๒๘ หน่วยงาน เพื่อรับฟังความต้องการและข้อเสนอแนะจากผู้ใช้งาน ตลอดจนเตรียมความพร้อมให้กับผู้ปฏิบัติงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้สามารถปฏิบัติงานการเสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ประจำปีผ่านระบบ RDENS ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

การใช้งานระบบ RDENS สามารถแบ่งออกเป็น ๓ ขั้นตอนหลัก ได้แก่ (๑) การนำเข้าข้อมูล (๒) การตรวจสอบคุณสมบัติ และ (๓) การส่งออกข้อมูล ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบดังกล่าว สรุปได้ ดังนี้

๑. การนำเข้าข้อมูล : ระบบได้รับการออกแบบให้สามารถนำเข้าข้อมูลได้ง่าย โดยใช้แม่แบบ (template) ตามที่กำหนด แต่ควรเพิ่มเติมคุณสมบัติการแสดงคำอธิบายเมื่อมีการนำเข้าข้อมูลผิดพลาดเพื่อให้ผู้ใช้งานดำเนินการแก้ไขได้ง่าย

๒. การตรวจสอบคุณสมบัติ : ระบบได้รับการออกแบบให้แสดงผลการตรวจสอบคุณสมบัติได้อย่างชัดเจน แต่ควรพัฒนาให้สามารถรองรับการตรวจสอบคุณสมบัติของบุคคลจำนวนมาก และควรเชื่อมโยงกับระบบทะเบียนฐานันดรโดยอัตโนมัติ

๓. การส่งออกข้อมูล : ระบบได้รับการออกแบบให้ส่งออกข้อมูลในรูปแบบที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกำหนด ทำให้สะดวกต่อการจัดทำเอกสารประกอบการเสนอขอพระราชทานแต่ควรปรับปรุงการแสดงผลบนบัญชีคุณสมบัติให้สามารถรองรับข้อความที่มีความยาวมากได้รวมไปถึงการแสดงผลเครื่องหมายวรรคตอน เพื่อให้แสดงผลได้อย่างสวยงาม และสะดวกต่อการอ่าน

ภายหลังการจัดกิจกรรมดังกล่าว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับไปปรับปรุงระบบ RDENS ให้ดียิ่งขึ้น เช่น ปรับปรุงการรายงานข้อผิดพลาดให้ผู้ใช้งานสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย ดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการได้รับพระราชทานของบุคคลกับระบบทะเบียนฐานันดรทุก ๒๔ ชั่วโมง และปรับปรุงการแสดงผลข้อความในแบบรายงานให้มีความสวยงาม ซึ่งข้อเสนอแนะทั้งหมดได้ทำให้ระบบ RDENS มีความสมบูรณ์แบบและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น

 

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของท่านได้โดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ เพื่อจดจำตัวเลือกต่างๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรียังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และ ไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

บันทึกการตั้งค่า