คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔๓
คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๔๓
พลเอก เปรม ติณสูลานนท์
เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๖ – ๕ สิงหาคม ๒๕๒๙
แถลงนโยบาย เมื่อวันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๒๖
คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*
ท่านประธานสภาที่เคารพ และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้กระผมเป็นนายกรัฐตรีตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๒๖ และแต่งตั้งรัฐมนตรีตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๖ นั้น กระผมและคณะรัฐมนตรีจึงได้วางนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินโดยได้คำนึงถึงความสามัคคีในชาติความสุขความปลอดภัยและการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ความเจริญก้าวหน้าและความมั่นคงของประเทศในด้านต่างรวมทั้งการพัฒนาการปกครองไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มีเสถียรภาพอย่างละเอียดแล้วจึงขอแถลงเพื่อให้ รัฐสภาทราบดังต่อไปนี้
นโยบายการเมืองและการบริหาร
รัฐบาลมีเจตนารมณ์ในการเทิดทูนและรักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างเคร่งครัดพร้อมทั้งจะดำเนินการให้เกิดความสุขความเจริญแก่ประชาชนในชาติทุกด้านโดยจะพยายามแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองและสังคมโดยรวดเร็วให้เหมาะสมกับเหตุการณ์และเป็นธรรมรวมทั้งจะปลูกฝังให้คนไทยทุกคนมีความเข้าใจในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างถูกต้องและยึดมั่นในอุดมการณ์ของชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องการเสียสละประโยชน์ส่วนตัวเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมและจะปฏิรูประบบราชการให้มีประสิทธิภาพในการรับใช้ประชาชนเพื่อให้บังเกิดความพอใจแก่บริการของรัฐและให้สามารถประหยัดทรัพยากรสำหรับนำไปใช้ในการลงทุนพัฒนาประเทศได้มากขึ้นนอกจากนั้นจะให้กองทัพมีบทบาทและหน้าที่สำคัญในการป้องกันประเทศรักษาไว้ซึ่งเอกราชของชาติและการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเพื่อให้บรรลุถึงเจตนารมณ์ข้างต้น
เพื่อให้บรรลุถึงเจตนารมณ์ข้างต้น รัฐบาลจะดำเนินนโยบายทางการเมืองและการบริหารดังนี้
๑. จะดำเนินการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดยจะพยายามป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมให้ลดลงและรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเป็นธรรมรวมตลอดถึงดำเนินมาตรการป้องกันแก้ไขและขจัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบให้มีประสิทธิภาพในการบริการประชาชนยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกันจะเพิ่มสวัสดิการของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการรักษาความสงบให้ดียิ่งขึ้น
๒. จะส่งเสริมระบบพรรคการเมืองและสถาบันทางการเมืองต่าง ๆให้สอดคล้องกับการพัฒนาการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนอกจากนั้นจะส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนทุกสาขาอาชีพได้มีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้นและจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นและศรัทธาในระบบรัฐสภาว่าจะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ และสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติได้
๓. จะปฏิรูประบบราชการให้มีประสิทธิภาพในการรับใช้ประชาชนโดยติดตามและควบคุมให้หน่วยราชการปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลและความต้องการของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจะจัดส่วนราชการให้สามารถบริหารราชการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดการทำงานซ้ำซ้อนกันจะมอบอำนาจ และแบ่งอำนาจการบริหารให้ราชการส่วนภูมิภาคมากยิ่งขึ้นปรับปรุงองค์การกลางในการบริหารงานบุคคลให้เกิดความเป็นธรรมเสมอหน้ากันทุกระบบ ปรับปรุงระบบการงบประมาณและระบบบริหารงานบุคคลให้ประสานและสอดคล้องกับแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลจะพัฒนาทัศนคติของข้าราชการให้ยึดมั่นในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยและส่งเสริมให้ข้าราชการที่มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีประสิทธิผลในการปฏิบัติหน้าที่และรับใช้ประชาชนมีหลักประกันในความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าในอาชีพราชการ
๔. จะดำเนินการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการอย่างเฉียบขาดทั้งจะขจัดข้าราชการที่ทุจริตและประพฤติมิชอบและไร้สมรรถภาพออกจากวงราชการและในขณะเดียวกันจะดำเนินมาตรการให้ข้าราชการได้มีสวัสดิการและความเป็นอยู่ที่เหมาะสม
๕. จะส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นโดยให้ประชาชนมีสิทธิและความสามารถในการปกครองตนเองยิ่งขึ้นเพื่อให้การปกครองท้องถิ่นมีประสิทธิภาพในการพัฒนาท้องถิ่นตามความต้องการของประชาชน และเป็นพื้นฐานที่ดีของการปกครองระบอบประชาธิปไตย
๖. จะใช้การเมืองนำการทหารในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ต่อไปทั้งนี้เพื่อสร้างความสามัคคีระหว่างคนในชาติและรวมพลังคนไทยที่มีความคิดแตกต่างกันมาช่วยพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้า
นโยบายการป้องกันประเทศ
รัฐบาลนี้ตระหนักว่าความมั่นคงของประเทศเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมสร้างและการพัฒนาประเทศ และโดยที่กำลังป้องกันประเทศเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาความมั่นคงและธำรงไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตยของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตลอดจน
ผลประโยชน์ของชาติ ดังนั้นรัฐบาลจึงกำหนดนโยบายในการป้องกันประเทศไว้ดังนี้
๑. จะดำเนินการตระเตรียมและเสริมสร้างกำลังที่ใช้ในการป้องกันประเทศให้เข้มแข็งและอยู่ในสภาพที่พร้อมจะป้องกันราชอาณาจักร
๒. จะขยายกำลังป้องกันประเทศตามแผนที่วางไว้และปรับปรุงให้มีปริมาณเพียงพอและให้อยู่ในสภาพพร้อมรบ เพื่อให้สามารถป้องกันอธิปไตยและรักษาความมั่นคงของประเทศ
๓. จะผนึกกำลังป้องกันประเทศทั้งสิ้น ทั้งกำลังทหาร กำลังกึ่งทหาร และกำลังราษฎรอาสาในรูปแบบต่าง ๆ เข้าด้วยกันรวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกำลังป้องกันประเทศกับข้าราชการและประชาชน เพื่อป้องกันภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก
๔. จะเร่งรัดการฝึกรวมทั้งปรับปรุงและพัฒนาหลักนิยมและยุทธวิธีเพื่อเพิ่มพูนสมรรถภาพของกำลังป้องกันประเทศให้สามารถเผชิญกับภัยคุกคามได้ทั้งภายในและภายนอก
๕. จะส่งเสริมและดำเนินการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ภายในประเทศ รวมทั้งการพัฒนาวิชาการระบบมาตรฐานอาวุธโดยยึดหลักพื้นฐานการพึ่งตนเอง
๖. จะจัดเตรียมทรัพยากรของชาติโดยให้สอดคล้องกับฐานะทางเศรษฐกิจเพื่อให้พร้อมที่จะสนับสนุนการระดมสรรพกำลังของชาติในการป้องกันประเทศ
๗. จะให้ทหารมีส่วนร่วมในการพัฒนาและบรรเทาภัยพิบัติของประเทศรวมทั้งการช่วยเหลือประชาชนในด้านอื่น ๆ
๘. จะดำเนินการให้ทหารร่วมกับส่วนราชการอื่น ๆ ฝึกอบรมประชาชนให้มีส่วนร่วมในการรักษาความมั่นคงของประเทศ
๙. จะฝึกและพัฒนาให้ทหารมีความรู้ทางวิชาชีพเพื่อประโยชน์ในการประกอบอาชีพเมื่อปลดจากประจำการ
๑๐. จะบำรุงขวัญกำลังใจของทหารให้สูงอยู่เสมอโดยปรับปรุงสวัสดิการให้เหมาะสมและอยู่ในสภาพที่ดี
๑๑. จะให้หลักประกันและสงเคราะห์ทหารผ่านศึกและครอบครัวให้ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยความเหมาะสม สำหรับทหารผ่านศึกผู้ทุพพลภาพ และครอบครัวของทหารผู้เสียชีวิตจะได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเหมาะสม
กับความเสียสละที่ได้ให้ไว้แก่ประเทศชาติ
นโยบายต่างประเทศ
รัฐบาลมีเจตนาอันแน่วแน่ที่จะดำเนินนโยบายต่างประเทศเพื่อให้บรรลุผลในการธำรงไว้ซึ่งเอกราช อธิปไตยของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน พิทักษ์และส่งเสริมความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติและผลประโยชน์ของชาติ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม โดยจะได้ดำเนินนโยบายดังต่อไปนี้
๑. จะเคารพและรักษาสิทธิตามความตกลงที่ทำไว้กับต่างประเทศโดยยึดถือหลักแห่งความเสมอภาค หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ และเคารพความเป็นธรรม
๒. จะเคารพและส่งเสริมให้มีการปฏิบัติตามหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติและปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน
๓. จะส่งเสริมสันติภาพและการดำรงอยู่ร่วมกันโดยสันติระหว่างประเทศทั้งหลายบนหลักการของการเคารพเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน ความเสมอภาคการไม่แทรกแซงในกิจการภายในของกันและกัน และการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศโดยสันติวิธี
๔. จะดำเนินการทางการเมืองระหว่างประเทศและการทูตในทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุถึงซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยคำนึงถึงผลประโยชน์และความมั่นคงของชาติเป็นสำคัญ
๕. จะเสริมสร้างความร่วมมือทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และจะกระชับสัมพันธ์ไมตรีกับบรรดาประเทศภาคีอาเซียนทั้งมวลให้แน่นแฟ้นและใกล้ชิดยิ่งขึ้นทั้งจะสนับสนุนมาตรการที่จะให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเขตสันติภาพ เสรีภาพ และความเป็นกลาง
๖. จะใช้ความพยายามต่อไปเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจอันดีกับประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะที่ตอบสนองประโยชน์อันร่วมกันโดยยึดถือหลักการของความเสมอภาคและความยุติธรรมตลอดจนจะพยายามและส่งเสริมให้มีการแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศโดยวิธีการทางการเมืองและการทูต
๗. จะดำเนินและพัฒนาความสัมพันธ์กับประเทศมหาอำนาจในลักษณะที่จะเกื้อกูลและเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศและเพื่อแก้ไขปัญหาสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
๘. จะส่งเสริมสัมพันธ์ไมตรีอันดีและขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้ากับทุกประเทศ
๙. จะดำเนินการทางการเมืองและการทูตทั้งทางด้านประเทศไทยและสถานทูตไทยในต่างประเทศ เพื่อพัฒนาและเกื้อกูลกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการค้าของไทยกับต่างประเทศโดยการรักษาและขยายตลาดการค้าสำหรับสินค้าและแรงงานของไทยทั้งจะส่งเสริมชักชวนให้มีการนำทุนจากต่างประเทศมาลงทุนประกอบกิจการภายในประเทศโดยมีหลักประกันที่เป็นธรรม นอกจากนั้นจะร่วมมือกับประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆเพื่อเสริมสร้างประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระหว่างประเทศ
๑๐. จะคุ้มครองคนไทยประโยชน์ของคนไทยในต่างประเทศและประโยชน์ของชาติในส่วนรวมให้ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมจากต่างประเทศ
นโยบายเศรษฐกิจ
รัฐบาลนี้มีเจตนาแน่วแน่ที่จะยกฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนให้สูงขึ้นและจะลดความเหลื่อมล้ำในฐานะทางเศรษฐกิจของคนในชาติให้เหลือน้อยลงจะขยายการผลิตและการสร้างงานให้คนมีงานทำมากขึ้น นอกจากนั้นจะรักษาฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศให้อยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายข้างต้นรัฐบาลจะยึดถือแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหลักในการพัฒนาประเทศ จึงวางนโยบายในการบริหารงานต่าง ๆ ไว้ดังต่อไปนี้
๑. จะดำเนินการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศโดยจัดสรรทรัพยากรไปใช้เพื่อ
ยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ จะเร่งรัดการผลิตทางเกษตร อุตสาหกรรมเหมืองแร่และอื่น ๆ ให้เพิ่มมากขึ้นพร้อมทั้งขยายการค้าและบริการควบคู่ไปด้วย เพื่อก่อให้เกิดการสร้างงานให้คนมีงานทำ ทั้งนี้จะมุ่งกระจายความเจริญออกสู่ส่วนภูมิภาค และชนบทให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
๒. จะเร่งรัดพัฒนาชนบท โดยใช้แผนพัฒนาชนบทเป็นหลักและให้ความสำคัญเป็นพิเศษแก่พื้นที่ชนบทยากจนโดยจะเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารเพื่อให้เกิดการประสานงานใกล้ชิดยิ่งขึ้น ในการนี้จะสนับสนุนให้สภาตำบลและราชการส่วนภูมิภาคเข้าร่วมงานอย่างเต็มที่
๓. จะสนับสนุนระบบเศรษฐกิจเสรีและขจัดการกระทำที่เป็นการผูกขาดโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนผู้บริโภคเป็นสำคัญในขณะเดียวกันก็จะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายอย่างทั่วถึง
๔. จะเร่งรัดการลงทุนของภาคเอกชนทั้งทุนภายในประเทศและทุนจากต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น โดยจะลดขั้นตอนในการปฏิบัติงานและระเบียบของทางราชการให้เหลือน้อยที่สุดตลอดจนให้ความยุติธรรมแก่ผู้ลงทุนทั้งภายในและต่างประเทศในการนี้จะร่วมมือและประสานงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นโดยจะสนับสนุนการพัฒนาองค์กรภาคเอกชนให้เป็นสถาบันที่มั่นคง และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม
๕. จะเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ด้านการเพาะปลูก การเลี้ยงสัตว์การประมงและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ชาวไร่ชาวนาได้รับราคาผลผลิตอันเป็นธรรมจะส่งเสริมให้ชาวไร่ชาวนามีที่ดินทำกินของตนเอง โดยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และการจัดสิทธิทำกินในป่าเสื่อมโทรมอีกทั้งจะช่วยเหลือเกษตรกรในท้องที่แห้งแล้งโดยการจัดหาและพัฒนาแหล่งน้ำในระดับไร่นาอย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นจะสนับสนุนสถาบันชาวไร่ชาวนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งสหกรณ์การเกษตรให้เป็นตัวแทนชาวไร่ชาวนาอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมภาคเอกชนในธุรกิจการเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร
๖. จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของอุตสาหกรรมที่มีอยู่ให้ดียิ่งขึ้นจะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน ทรัพยากรภายในประเทศ และผลิตเพื่อส่งออกทั้งนี้โดยเน้นการกระจายอุตสาหกรรมไปสู่ส่วนภูมิภาค จะเร่งรัดดำเนินการเพื่อพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะสินแร่นานาชนิดตลอดจนอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่าง ๆ ด้วยความรอบคอบ เพื่อผลประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ จะได้กำหนดให้มีแผนพัฒนาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในระยะยาวของประเทศด้วย
๗. จะพัฒนาการขนส่งมวลชนและจะปรับปรุงระบบการขนส่งเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการขนถ่ายสินค้าในการนี้จะมุ่งพัฒนาและขยายการขนส่งทางน้ำและทางรถไฟให้เพิ่มมากขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น จะเร่งสร้างและปรับปรุงท่าเรือน้ำลึกและจะเร่งรัดพัฒนาการพาณิชย์นาวีซึ่งจำเป็นและมีประโยชน์ในทางขยายการค้ากับต่างประเทศ อีกทั้งจะเร่งรัดพัฒนาการคมนาคมทางบก ทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมและเหมาะสมกับนโยบายประหยัดการใช้น้ำมันโดยจะให้สอดคล้องกับการขนส่งทางน้ำและทางรถไฟส่วนการขนส่งทางอากาศนั้นจะขยายขอบเขตการดำเนินงานให้สัมพันธ์กับการขยายตัวของความต้องการในการขนส่งทั้งในประเทศและระหว่างประเทศโดยเฉพาะจะให้สนองการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในด้านการสื่อสารจะเพิ่มประสิทธิภาพของการสื่อสารและโทรคมนาคมทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดความสะดวก ความรวดเร็วความแน่นอน และสม่ำเสมอ
๘. จะจัดให้มีแผนการใช้พลังงานขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจการเงินและทรัพยากรด้านพลังงานของประเทศ โดยจะเน้นหนักด้านการประหยัด การใช้ทรัพยากรพลังงานที่มีอยู่การหาพลังงานทดแทน และกรรมวิธีการใช้พลังงานใหม่ทุกด้าน
๙. จะส่งเสริมการขยายตลาดสินค้าในต่างประเทศให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยเจรจาลดข้อจำกัดและกีดกันทางการค้ากับประเทศคู้ค้าและลดอุปสรรคทางภาคราชการในด้านการส่งออกให้น้อยลงอีกทั้งจะจัดให้มีแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะสร้างงานทั้งด้านบริการและอุตสาหกรรมในครัวเรือนให้มากที่สุด
๑๐. จะปรับปรุงนโยบายการบริหารการเงิน และการคลัง ในแนวที่จะสร้างความคล่องตัวและสามารถหนุนให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจในสาขาการผลิตและการบริการต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็จะรักษาเสถียรภาพของเงินบาท และฐานะการคลังของประเทศไว้ให้ดีมีความมั่นคงเป็นที่เชื่อถือของนานาประเทศ รัฐบาลจะยึดนโยบายประหยัดในจุดที่ควรประหยัดให้ได้ผลที่สุดและจะเร่งรัดให้สามารถจัดเก็บภาษีอากรได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ โดยปรับปรุงระบบภาษีอากร ตลอดจนการจัดเก็บให้สะดวก รัดกุม แน่นอน และเป็นธรรม รวมทั้งให้สอดคล้องและสนับสนุนการพัฒนาในทุกด้านนอกจากนั้นจะขยายบริการทางการเงินต่าง ๆ ให้ประเทศไทยมีบทบาทด้านการเงินระหว่างประเทศยิ่งขึ้นสำหรับการบริหารงานในรัฐวิสาหกิจจะยึดนโยบายให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่งเป็นแหล่งอำนวยรายได้ให้กับรัฐและจะไม่ยอมให้รัฐวิสาหกิจที่หย่อนประสิทธิภาพมาเป็นภาระของรัฐบาลและประชาชนอีกต่อไป
๑๑. จะสร้างงานทั้งในเมืองและชนบทให้มากขึ้น และส่งเสริมการใช้แรงงานไทยในต่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการว่างงานที่มีอยู่ และปัญหาการมีงานทำของประชากรที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงานในอนาคตในเขตชนบทรัฐบาลจะมีโครงการสร้างงานในชนบทที่ต่อเนื่องและสอดคล้องกับแผนพัฒนาชนบทและส่งเสริมการพัฒนาอาชีพอื่น ๆ นอกเหนือจากการเกษตร เช่น การผลิตสินค้าพื้นเมืองอันเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน หรืออุตสาหกรรมขนาดย่อม นอกจากนั้นจะใช้มาตรการในด้านภาษีอากรและจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อจูงใจให้มีการลงทุนในชนบทให้มากยิ่งขึ้น สำหรับการสร้างงานในเมืองจะสร้างงานที่มีลักษณะสอดคล้องกับคุณภาพของแรงงานที่ว่างงานอยู่ และที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน
นโยบายทางสังคม
รัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่จะทำให้ประชาชนมีความสุข ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์และมีคุณภาพสูงขึ้นจะส่งเสริมให้มีการพัฒนาสตรีให้มีคุณภาพและมีบทบาทร่วมในการพัฒนามากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น จะวางพื้นฐานการศึกษาให้เด็กเยาวชนและประชาชนสามารถพัฒนาตนเองและสังคม ยึดมั่นในศาสนธรรม คุณค่าของศิลปวัฒนธรรมไทย รู้จักนำความรู้ความสามารถไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคมโดยส่วนรวม โดยจะดำเนินการดังนี้
๑. การพัฒนาแรงงานและสวัสดิการสังคม
๑.๑ จะส่งเสริมการพัฒนาแรงงานในด้านความรู้ฝีมือและความสามารถเพื่อที่จะได้เพิ่มฐานะทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้น
๑.๒ จะคุ้มครองแรงงานให้มีรายได้ ชั่วโมงทำงาน วันหยุด สวัสดิภาพและหลักประกันที่เหมาะสม
๑.๓ จะปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยกองทุนทดแทนให้มีขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้นเพื่อให้เป็นพื้นฐานในการมีกฎหมายประกันสังคมต่อไปในอนาคต
๑.๔ จะให้คำแนะนำและความช่วยเหลือแก่แรงงานไทยในต่างประเทศ
๑.๕ จะขยายสวัสดิการให้ประชาชนทั่วไป โดยจะเน้นการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นพิเศษและจะปรับปรุงชุมชนแออัดในเมือง รวมทั้งจะขยายแผนงานสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้กว้างขวางมากขึ้น
๑.๖ จะสนับสนุนการจัดตั้งสถานที่รับเลี้ยงเด็กที่มีมาตรฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตชุมชนแออัดในเมืองที่ประชาชนมีรายได้น้อยอาศัยอยู่ ทั้งนี้ เพื่อให้เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ถูกต้องและเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถออกไปประกอบอาชีพเพื่อเพิ่มพูนรายได้ของตน
๒. การขจัดภัยจากยาเสพติด จะดำเนินการกวาดล้างแหล่งผลิตและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษโดยเด็ดขาดฉับพลันส่วนทางด้านผู้ติดยาเสพติดจะได้รับการบำบัดรักษาและอบรมให้ตระหนักถึงภัยอันเกิดจากยาเสพติด
๓. กระบวนการยุติธรรม
๓.๑ จะรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายผดุงความเป็นอิสระของผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี๓.๒ จะปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้คดีความที่เกิดขึ้นได้รับการพิจารณาพิพากษาของศาลโดยรวดเร็ว
๓.๓ จะให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนผู้สุจริตและให้ความเที่ยงธรรมตลอดจนความสะดวกแก่ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหา
๓.๔ จะปรับปรุงฐานะของผู้พิพากษาให้เหมาะสมและเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ความเข้าใจและทัศนคติเกี่ยวกับการพิจารณาพิพากษาคดีเพื่อช่วยให้ผู้พิพากษาสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นผู้มีจรรยาตุลาการที่ดีงาม
๓.๕ จะขยายการคุมประพฤติผู้กระทำผิดออกไปในส่วนภูมิภาคเพื่อปกป้องคุ้มครองและป้องกันสังคมจากอาชญากรรม และช่วยเหลือควบคุมและสอดส่องผู้กระทำผิดที่ไม่ร้ายแรงให้กลับตนเป็นพลเมืองดีของสังคมโดยไม่ต้องถูกจำคุก
๓.๖ จะแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมาย ระเบียบและข้อบังคับให้สอดคล้องกับภาวะสังคมในปัจจุบัน เพื่อให้สามารถอำนวยความยุตธรรมและรักษาความสงบสุขของประชาชนตลอดไป
๔. การสาธารณสุขจะปรับปรุงให้ประชาชนทั้งในชนบทและในเมืองไม่ว่าจะมีรายได้และฐานะทางเศรษฐกิจอย่างใด ได้รับบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพ สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้นโดยจะดำเนินการดังต่อไปนี้
๔.๑ จะเร่งรัดการดำเนินงานโครงการสาธารณสุขมูลฐานด้วยการจัดบริการให้ประชาชนในระดับหมู่บ้านและตำบลและชุมชนแออัดในเมืองที่ยังไม่ได้รับการบริการดังกล่าวให้มีโอกาสได้รับบริการการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพและการรักษาพยาบาลเบื้องต้น ณ ที่อยู่ของตน ทั้งนี้จะให้การสงเคราะห์ผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุด้านการรักษาพยาบาลเป็นพิเศษโดยจะประสานงานและร่วมมือกับภาคเอกชนด้วย
๔.๒ จะเร่งรัดการปรับปรุง ขยายและก่อสร้างโรงพยาบาลอำเภอรวมทั้งจัดตั้งสถานีอนามัยตำบลให้มีระบบและข่ายงานสาธารณสุขให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
๔.๓ จะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในการเร่งรัดการผลิตแพทย์ พยาบาลทันตแพทย์ เภสัชกรนักสาธารณสุข เจ้าหน้าที่เทคนิค และเจ้าหน้าที่ธุรการทางการแพทย์และสาธารณสุข ให้มากขึ้นโดยเร็วเพื่อให้พอเพียงกับการขยายบริการสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น ทั้งจะปรับปรุงคุณภาพของบุคลากรดังกล่าวให้ปฏิบัติงานในชนบทอย่างมีประสิทธิภาพ
๔.๔ จะเร่งรัดการดำเนินการวางแผนครอบครัวให้ลดอัตราการเพิ่มประชากรลงและจะดำเนินการแก้ไขปัญหาสภาพโภชนาการ รวมทั้งการสาธารณูปโภค
๔.๕ จะขยายการบริการด้านอนามัยแม่และเด็ก โดยเฉพาะเกี่ยวกับการทำคลอดการดูแลก่อนและหลังคลอดเพื่อลดอัตราการตายของมารดาและทารกควบคู่ไปกับการให้ความรู้ด้านสาธารณสุขมูลฐานอย่างเพียงพอที่จะให้สตรีมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป้องกันสุขภาพ ทั้งทางกายและจิตใจของตนเองครอบครัวและชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ
๔.๖ จะส่งเสริมและเร่งรัดให้มีการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้หน่วยงานของรัฐและธุรกิจเอกชนสามารถผลิตครุภัณฑ์ เวชภัณฑ์ และวัสดุภัณฑ์ ที่ใช้ในการแพทย์และสาธารณสุขให้มากยิ่งขึ้นรวมทั้งผนึกวิธีการรักษาพยาบาลแบบพื้นบ้าน กับระบบการรักษาพยาบาลในโครงการสาธารณสุขขั้นมูลฐานเพื่อให้สามารถพึ่งตนเองได้ทั้งในยามปกติและยามฉุกเฉิน ทั้งนี้จะไม่ให้หน่วยงานของรัฐดำเนินการโดยวิธีการผูกขาด
๔.๗ จะพัฒนาและปรับปรุงระบบงานสาธารณสุขทั่วประเทศเพื่อให้สามารถประสานเป้าหมายประสานงานระหว่างหน่วยงานด้านสาธารณสุขกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและธุรกิจเอกชนเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการสาธารสุขดีขึ้นในยามปกติและเตรียมพร้อม
ที่จะเผชิญเหตุการณ์ในยามฉุกเฉินได้
๔.๘ จะปรับปรุงและดำเนินการด้านสุขศึกษา โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ใช้สื่อสารมวลชนและใช้วิธีการศึกษาทั้งในและนอกระบบเพื่อให้ประชาชนโดยเฉพาะนักเรียนชั้นประถมและมัธยมรู้จักปฏิบัติตนในการป้องกันโรค การส่งเสริมสุขภาพและรักษาพยาบาลเบื้องต้นด้วยตนเอง
๔.๙ จะดำเนินการเพื่อคุ้มครองผู้บริโภคด้วยการตรวจสอบ ป้องกันปราบปรามและลงโทษผู้กระทำความผิด รวมทั้งส่งเสริมให้ใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องและเหมาะสมในการผลิต การจำหน่ายการโฆษณาผลิตภัณฑ์อาหาร ยารักษาโรคและวัสดุภัณฑ์ที่ใช้ในการเกษตร ให้ได้รับความปลอดภัย เป็นธรรม และประหยัด
๔.๑๐ จะส่งเสริมการออกกำลังและการกีฬาเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพดีและมีการพักผ่อนหย่อนใจที่ถูกต้อง
๔.๑๑ จะป้องกันและรักษาโรคที่เป็นอันตรายต่อประชาชนในกลุ่มอาชีพหรือวัยต่าง ๆโดยเฉพาะโรคที่สามารถขจัดหรือบำบัดให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทยทั้งนี้จะเร่งรัดโครงการที่จะป้องกันและบรรเทาอุบัติเหตุและสาธารณสุขชนิดต่าง ๆ รวมทั้งจัดทำโครงการฟื้นฟูผู้ทุพพลภาพให้สามารถดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อีกด้วย
๔.๑๒ จะผลิตและส่งเสริมนักวิชาการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้มีความสามารถสูงเพื่อที่จะแสวงหาวิทยาการแผนใหม่ในประเทศ หรือจากต่างประเทศมาใช้แก้ปัญหาสาธารณสุข
๕. การพัฒนาเด็กและเยาวชน จะส่งเสริมให้มีการร่วมระดมสรรพกำลังทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชน และราชการบริหารส่วนท้องถิ่นทุกรูปแบบเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้เป็นผู้มีระเบียบวินัยและคุณภาพทั้งทางกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม
๕.๑ จะเร่งรัดให้มีการขยายบริการด้านต่าง ๆ ให้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่ชนบทยากจนรวมทั้งชุมชนแออัดเป็นพิเศษ
๕.๒ จะส่งเสริมและสนับสนนุนให้การอบรมเลี้ยงดูในครอบครัว มีคุณภาพดียิ่งขึ้นโดยถือเป็นพื้นฐานอันสำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชน
๕.๓ จะส่งเสริมสุขภาพทั้งทางกายและทางจิตใจโดยเน้นการเจริญเติบโตของร่างกายการป้องกันโรค และการป้องกันปัญหาสุขภาพจิตเป็นหลัก
๕.๔ จะเร่งรัดสร้างค่านิยมโดยเฉพาะด้านจริยธรรมและศาสนธรรมให้มีวินัยความซื่อสัตย์ ความอดทน ความขยันหมั่นเพียร รู้จักประหยัด รู้จักตนเอง และรู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่นด้วยความสมานฉันท์
๕.๕ จะส่งเสริมการพัฒนาด้านสติปัญญาการแสวงหาความรู้และการใช้เหตุผลในทางริเริ่มและสร้างสรรค์ที่มีประสบการณ์อันเหมาะสมกับวัย
๕.๖ จะสงเคราะห์และบำบัดรักษาเด็กและเยาวชนที่มีปัญหาเฉพาะทั้งทางกายสมองและอารมณ์ ตลอดจนจะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนดังกล่าวได้รับการพัฒนาให้เต็มที่ตามสภาพและความแตกต่างระหว่างบุคคลรวมทั้งจะให้ความคุ้มครองเด็กและเยาวชนที่ทำงาน
๕.๗ จะส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม
๕.๘ จะส่งเสริมเยาวชนให้มีทักษาในการประกอบอาชีพ ให้เป็นที่พึ่งตนเองและช่วยสร้างความเจริญให้แก่สังคมเป็นส่วนรวม
๕.๙ จะส่งเสริมให้เด็ก และเยาวชนได้ตระหนักในความสำคัญของความเป็นชาติเข้าใจบทบาทของตนในการพัฒนาชาติ และการเป็นสมาชิกในสังคมนานาชาติ
๖. การศึกษา รัฐบาลมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการศึกษาทั้งด้านปริมาณและคุณภาพเพื่อเสริมสร้างบุคคลให้มีความรู้สำนึก และมีความรับผิดชอบทั้งต่อสังคมและตนเองมีความคิดและความสามารถในการประกอบอาชีพ มีจริยธรรม คุณธรรม วัฒนธรรม
พลานามัย ระเบียบวินัย มีความรักและธำรงศิลปวัฒนธรรมความเป็นไทย หวงแหนแผ่นดินเกิด ตลอดจนมีความซาบซึ้งและสามารถมีส่วนร่วมในการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยจะเร่งดำเนินการดังต่อไปนี้
๖.๑ จะจัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเภททั้งในและนอกระบบโรงเรียนให้ประสานสัมพันธ์กัน และสอดคล้องกับการพัฒนาการทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
๖.๒ จะปรับปรุงโครงสร้างระบบบริหารและการจัดการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทให้มีเอกภาพ ประสานสัมพันธ์กัน เพื่อให้การจัดการศึกษามีประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนั้นจะมอบอำนาจการจัดการศึกษาให้แก่สถานศึกษาและหน่วยงานระดับปฏิบัติให้มากที่สุดเพื่อให้การจัดการศึกษาสามารถสนองตอบความต้องการของท้องถิ่น
๖.๓ จะจัดและส่งเสริมให้สถานศึกษาทึกระดับเป็นศูนย์บริการด้านการศึกษาวิชาชีพ ศิลป วัฒนธรรม กีฬา พลานามัย นันทนาการและข่าวสาร เพื่อให้บริการแก่นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน
๖.๔ จะเร่งปรับปรุงคุณภาพของการศึกษาทุกระดับโดยปรับปรุงระบบการวางแผน การบริหาร การเรียน การสอน การกำหนดมาตรฐานและวิทยฐานะ ระบบการติดตามประเมินผลตลอดจนการนิเทศการศึกษา เพื่อให้เกิดความเสมอภาคกันทุกระดับและคำนึงถึงความต้องการของท้องถิ่นเป็นสำคัญ
๖.๕ จะส่งเสริมการพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนและเทคโนโลยีใหม่ ๆตลอดจนสื่อมวลชนทั้งภาครัฐและเอกชนมาใช้เพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาและพัฒนาคุณภาพ
๖.๖ จะเร่งฝึกและอบรมในด้านระเบียบวินัย คุณธรรม ความรู้จักรับผิดชอบต่อสังคมและตนเองความรักในศิลปวัฒนธรรมและความสำนึกในความเป็นไทยร่วมกันเพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ เอกราชอธิปไตยของชาติ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนอกจากนั้นจะส่งเสริมให้สถาบันศาสนาได้เข้ามามีบทบาทในการอบรมสั่งสอนด้านคุณธรรมให้มากขึ้น
๖.๗ จะส่งเสริมให้ผู้สอนในทุกระดับการศึกษาและทุกประเภทได้รับการยกย่องเชิดชูมีความก้าวหน้าและความมั่นคงในอาชีพ สำหรับด้านการฝึกครูนั้นจะเน้นด้านคุณภาพเป็นสำคัญ
๖.๘ จะสนับสนุนส่งเสริมการวิจัย เผยแพร่การวิจัยจัดให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้วิจัยส่งเสริมให้มีการนำผลการวิจัยไปใช้เพื่อสนองความต้องการของชุมชนและความก้าวหน้าทางวิชาการ รวมทั้งประโยชน์ในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน
๖.๙ จะระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ เพื่อนำมาใช้ในการขยายการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพ และจะปรับปรุงวิธีการจัดสรรทรัพยากรทางการศึกษา เพื่อให้มีความเสมอภาคทางการศึกษาโดยเน้นการให้โอกาสแก่ผู้เรียนในชนบท ผู้เรียนที่ยากจนและกลุ่มที่มีโอกาสน้อย
๖.๑๐ จะส่งเสริมการจัดการศึกษาของสถานศึกษาเอกชนโดยให้เอกชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาภายในขอบเขตและสัดส่วนที่เหมาะสมนอกจากนั้นจะพยายามสนับสนุนให้สถาบันทางการเงินเข้าช่วยเหลือสถานศึกษาเอกชนและจะส่งเสริมคุณภาพทางการศึกษาของสถานศึกษาเอกชนให้ดีขึ้นรวมทั้งจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมสถาบันสอนศาสนา
๖.๑๑ จะสนับสนุนกิจกรรมของนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยและนอกมหาวิทยาลัยที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม
๗. ศิลป วัฒนธรรม ศาสนา และลักษณะสังคมไทย
๗.๑ จะรักษา ส่งเสริม เผยแพร่และพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยให้มีเอกลักษณ์สูงเด่นและจะป้องกันมิให้ศิลปวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อันดีงามของชาติ รวมทั้งการปราบปรามกิจกรรมอันทำลายและขัดต่อศีลธรรมจรรยาและชื่อเสียงเกียรติภูมิของคนไทยด้วย
๗.๒ จะศึกษา ค้นคว้าวิจัยและอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติและปูชนียสถานอันเป็นที่สักการะยึดเหนี่ยวทางใจของประชาชน
๗.๓ จะสนับสนุน ส่งเสริม เผยแพร่กิจการทางศาสนาตลอดจนการมีเสรีภาพในการเลือกนับถือศาสนา ส่งเสริมขันติธรรมและความสมานฉันท์ระหว่างผู้นับถือศาสนาต่างกัน เพื่อผลในการฟื้นฟูศีลธรรมจริยธรรม วัฒนธรรมของชนในชาติ
๗.๔ จะส่งเสริมให้ประชาชนประพฤติปฏิบัติตามครรลองของศีลธรรมจริยธรรมเป็นพิเศษโดยกวดขันความประพฤติของข้าราชการให้เป็นที่นับถือ ศรัทธาและเป็นตัวอย่างที่ดีงามของประชาชนตลอดจนเสริมสร้างให้เด็กและเยาวชนสำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบ
๘. ชุมชน เมือง สิ่งแวดล้อม และสาธารณูปโภค
๘.๑ จะพัฒนา เมือง ชุมชน และชนบทให้อยู่ในขนาดที่เหมาะสมและสัมพันธ์กับการขยายบริการทางสังคม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานคุณภาพสิ่งแวดล้อม จารีตประเพณีและเอกลักษณ์ของท้องถิ่น
๘.๒ จะจัดบริการสังคมในเรื่องสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย รายได้ปานกลาง ทั้งในเมืองและชนบทให้มีลักษณะสมบูรณ์ในตัวเอง
๘.๓ จะจัดบริการสังคมด้านการกีฬา สถานพักผ่อนหย่อนใจสวนสาธารณะในเมืองและชุมชนต่าง ๆ รวมทั้งการขยายวนอุทยาน อุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
นโยบายทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี พลังงาน และสิ่งแวดล้อม
๑. จะเร่งรัดส่งเสริมการวิจัยและการให้บริการทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีโดยเน้นหนักในการสนับสนุนงานพัฒนาด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม
๒. จะวางแผนการทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีในการนำทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ โดยคำนึงถึงสภาวะของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ
๓. จะส่งเสริมการเผยแพร่ความรู้ทางวิชาการที่จะนำไปสู่การพัฒนาปรับปรุงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี จากในประเทศและจากต่างประเทศให้เหมาะสม เพื่อใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจสังคมและสภาพแวดล้อม
๔. จะเร่งรัดส่งเสริมการสำรวจวิจัยและพัฒนาการนำพลังงานทุกรูปแบบภายในประเทศมาใช้ให้เป็นประโยชน์โดยเร็ว เพื่อลดการใช้น้ำมันที่ต้องซื้อจากต่างประเทศ
๕. จะเร่งรัดประสานงานด้านพลังงาน เพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมีการประสานงานต่อเนื่องและให้เป็นไปในเป้าหมายแนวทางเดียวกันอย่างใกล้ชิด
๖. จะกำหนดอัตราค่าพลังงานที่ใช้เป็นประโยชน์ได้แล้วทุกชนิดให้เหมาะสมกับสถานะทางเศรษฐกิจและระดับรายได้ของประชาชน ทั้งนี้เป็นการชักชวนให้ประชาชนใช้พลังงานที่ประหยัดและสมดุลกับการผลิต
๗. จะควบคุมการจัดหา การผลิต และการใช้พลังงานให้เป็นไปโดยประหยัดและได้ประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวมเพื่อให้มีพลังงานใช้อย่างเพียงพอเหมาะสมกับสภาวการณ์ทั้งในยามปกติและยามฉุกเฉิน
๘. อนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติโดยจัดให้มีการใช้และฟื้นฟูทรัพยากรเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเป็นธรรมในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ของชาติและการขุดใช้ทรัพยากรแร่ธาตุ
นอกจากนโยบายดังกล่าวข้างต้นแล้ว ประเทศไทยยังมีปัญหาสำคัญที่ต้องเผชิญอยู่ในขณะนี้และเป็นภาระหนักอีกประการหนึ่ง คือ ปัญหาเกี่ยวกับผู้อพยพลี้ภัยซึ่งเป็นปัญหาระหว่างประเทศรัฐบาลจะแก้ไขปัญหานี้ตามหลักมนุษยธรรมควบคู่กับหลักอธิปไตย ความมั่นคง ความปลอดภัยและผลประโยชน์ของชาติ โดยรัฐบาลจะได้ดำเนินการทางการเมืองและทางการทูตเพื่อให้ได้มาซึ่งความช่วยเหลือและความร่วมมือในการรับภาระในปัญหานี้จากสหประชาชาติองค์การระหว่างประเทศและประชาคมระหว่างประเทศ และจากมิตรประเทศให้มากกว่าที่ได้รับอยู่เพื่อให้มีการรับบุคคลเหล่านี้ออกไปจากประเทศไทยมากขึ้น และเพื่อให้บุคคลเหล่านี้สามารถกลับภูมิลำเนาตามความสมัครใจของตน ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะแก้ไขปัญหาและบรรเทาผลกระทบกระเทือนและความเดือดร้อนซึ่งประเทศไทยและประชาชนคนไทยต้องประสบอยู่ในปัจจุบัน
ท่านประธานรัฐสภาที่เคารพ และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติทั้งหลายในการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่ได้แถลงมาข้างต้นนี้กระผมขอให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลนี้จะดำเนินการโดยยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง และปฏิบัติตามนโยบายโดยเคร่งครัดเพื่อนำความก้าวหน้ามาสู่ประเทศชาติและนำความสงบเรียบร้อย และความสุขความเจริญมาสู่ประชาชน สมดังเป้าหมายที่ได้แถลงไว้ทุกประการขอบคุณ
*รายงานการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ ๒/๒๕๒๖ (สมัยสามัญ) วันศุกร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๒๖ หน้า ๒๕ – ๔๒