คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓๗
คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓๗
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๑๙ – ๒๓ กันยายน ๒๕๑๙
แถลงนโยบาย เมื่อวันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๙
คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*
ท่านประธานสภาที่เคารพ
เนื่องจากได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามประกาศพระบรมราชโองการ ลงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๙ ข้าพเจ้าจึงได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีขึ้น ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งตามประกาศพระบรมราชโองการลงวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๙
บัดนี้ คณะรัฐมนตรีได้กำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินขึ้นแล้ว จึงขอแถลงนโยบายเพื่อขอความไว้วางใจจากสภาผู้แทนราษฎร ตามความในมาตรา ๑๘๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยที่ในปัจจุบันบ้านเมืองของเราตกอยู่ในภาวะไม่ปกติสุข ทั้งในด้านการเมือง การเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่ามีความไม่มั่นใจในอนาคตของตนเองและของประเทศชาติ โดยเฉพาะ ชาวนา ชาวไร่ และกรรมกร ต้องประสบกับความยากจนและเดือนร้อน จึงเป็นการจำเป็นที่จะต้องรีบเร่งดำเนินการแก้ไขภาการณ์ดังกล่าว เพื่อให้เกิดความปกติสุขขึ้นในบ้านเมือง ในการนี้คณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดิน จึงได้กำหนดนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินไว้เป็น ๒ ระยะ คือ นโยบายที่จะต้องดำเนินการเป็นการเร่งด่วน และนโยบายระยะยาว
นโยบายเร่งด่วน
ปัญหาสำคัญที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน คือ การช่วยเหลือเกษตรกร การแก้ไขภาวะค่าครองชีพ การรักษากฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวง การปกครองท้องถิ่น และการขยายไฟฟ้าสู่ชนบท
๑. การช่วยเหลือเกษตรกร
เนื่องจากเกษตรกรมีจำนวนเกือบร้อยละ ๘๐ ของจำนวนพลเมืองของประเทศ แต่ส่วนใหญ่ตกอยู่ในฐานะยากจน รัฐบาลนี้จึงมีนโยบายที่จะช่วยเหลือเกษตรกรให้มีฐานะในทางเศรษฐกิจดีขึ้น อันจะเป็นการขจัดความยากจนไปในตัว ดังต่อไปนี้
(๑) จะเร่งทำการปฏิรูปที่ดินเพื่อให้เกษตรกรได้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองในแต่ละปี่เริ่มมีตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๐ จะจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินเป็นของตนเองประมาณ ๔๐,๐๐๐ ถึง ๕๐,๐๐๐ ครอบครัว
(๒) จะปลดเปลื้องหนี้สินของเกษตรกรจากการเป็นลูกหนี้เอกชน มาเป็นลูกหนี้สหกรณ์หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เพื่อมิให้เกษตรกรต้องสูญเสียสิทธิในที่ดิน
(๓) จะดำเนินการให้เกษตรกรจำหน่ายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม โดยเฉพาะข้าวจะลดหรือเลิกค่าพรีเมี่ยม รวมทั้งลดอากรขาออกถ้าจำเป็น เพื่อปรับราคาส่งออกให้สามารถแข่งขันในตลาดต่างประเทศได้
(๔) จะปรับปรุงและขยายการสหกรณ์ให้แพร่หลาย เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการด้านการผลิต การแปรรูปผลผลิต และการจำหน่าย
(๕) จะช่วยเหลือเกษตรกรในด้านการชลประทาน การปรับปรุงที่ดิน การใช้พันธุ์พืชการปราบศัตรูพืชและการซื้อปุ๋ยในราคาต่ำ
๒. การแก้ไขภาวะค่าครองชีพ รัฐบาลนี้จะรักษาระดับราคาสินค้าที่จำเป็นแก่การครองชีพไม่ให้เคลื่อนไหวผิดปกติ โดยเฉพาะข้าวบริโภค รัฐบาลจะใช้มารตการอันเหมาะสมเพื่อให้มีราคาพอสมควรมิให้ประชาชนผู้ยากไร้ต้องเดือดร้อนในเรื่องค่าครองชีพ นอกจากนั้นจะดำเนินมาตรการมิให้มีการผูกขาดตัดตอนในทางเศรษฐกิจโดยเอกชน เพื่อมิให้ผู้จำหน่ายตั้งราคาสินค้าตามชอบใจ
๓. การรักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อยเพื่อมิให้บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะระส่ำระสายและเกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน รัฐบาลนี้จะรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง โดยจะเร่งดำเนินการปราบปรามโจรผู้ร้าย และลงโทษผู้ละเมิดกฎหมายโดยไม่มีการละเว้น จะปรับปรุงกิจการตำรวจ และอำนาจการสอบสวนคดีอาญา และจะปรับปรุงส่งเสริมฐานะของกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
๔. การปราบปรามการฉ้อราษฎร์บังหลวงรัฐบาลนี้จะดำเนินการเพื่อป้องกันและปราบปรามการฉ้อราษฎรบังหลวงทั้งในวงงานราชการและวงงานของรัฐอย่างจริงจัง และจะไม่ให้กฎหมายว่าด้วยการนี้ ซึ่งมีอยู่แล้วต้องเป็นหมัน นอกจากนี้จะดำเนินการให้มีกฎหมายว่าด้วยการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ของรัฐ ทั้งจะให้มีกฎหมายเกี่ยวกับผู้ตรวจเงินแผ่นดินของรัฐสภา ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
๕. การปกครองท้องถิ่นรัฐบาลนี้จะเร่งดำเนินการให้มีกฎหมายว่าด้วยการปกครองท้องถิ่นทุกรูปแบบ เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นได้ปกครองตนเองภายในระยะเวลาที่กำหนดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญโดยให้ผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้ง และในท้องถิ่นมีอิสระในการดำเนินนโยบายของตน
๖. การขยายไฟฟ้าชนบท รัฐบาลนี้จะเร่งขยายไฟฟ้าสู่ชนบท โดยให้ประชาชนมีไฟฟ้าใช้ทั่วทุกตำบลโดยเร่งด่วนนโยบายระยะยาวในทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และการบริหาร มีดังต่อไปนี้
นโยบายทางการเมือง
๑. รัฐบาลนี้จะยึดมั่นในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จะดำเนินการทางการเมืองด้วยวิธีการที่บริสุทธิ์และยุติธรรม ทั้งจะเคารพและปกป้องสิทธเสรีภาพของประชาชนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ และจะยึดชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมพลังแห่งความสามัคคีและความเป็นปึกแผ่นภายในประเทศ
๒. รัฐบาลนี้จะเสริมสร้างกำลังทหารของชาติให้เข้มแข็งตามความเหมาะสมกับภาวการณ์และตามกำลังเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะกำลังทหารจะใช้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และรักษาไว้ซึ่งเอกราช ความมั่นคง และผลประโยชน์ของชาติและจะปรับปรุงสวัสดิการและบำรุงส่งเสริมสมรรถภาพและขวัญของทหารให้สูงอยู่เสมอ ทั้งจะส่งเสริมให้ทหารมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ
๓. รัฐบาลนี้จะดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างอิสระ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ที่แท้จริงของประเทศเป็นหลัก จะไม่ยอมเป็นเครื่องมือหรือเข้าไปพัวพันในการดำเนินนโยบายของประเทศใด ๆ จะเป็นมิตรกับทุกประเทศที่ต้องการเป็นมิตรกับประเทศไทย ในหลักแห่งความเสมอภาค บูรณภาพแห่งอาณาเขต และเคารพอธิปไตยซึ่งกันและกัน ทั้งนี้โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างของระบอบการปกครองหรือระบบเศรษฐกิจ
รัฐบาลนี้จะแก้ปัญหาระหว่างประเทศโดยใช้วิธีทางการทูตเป็นสำคัญ จะปรับสันติภาพกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะประเทศในคาบสมุทรอินโดจีนให้เข้าสู่สภาพปกติ จะส่งเสริมและกระชับความร่วมมือโดยใกล้ชิด และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านในส่วนภูมิภาคนี้ของโลก โดยเฉพาะกับประเทศในกลุ่มอาเชี่ยน และจะสนับสนุนข้อเสนอให้เอเชียอาคเนย์เป็นเขตแห่งสันติภาพ อิสรภาพ และความเป็นกลาง กับจะส่งเสริมความสัมพันธ์กับประเทศกลุ่มโลกที่สามให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพื่อผลประโยน์ร่วมกันในองค์การระหว่างประเทศ
รัฐบาลนี้จะปฏิบัติตามพันธกรณีตามสนธิสัญญา และความตกลงที่มีอยู่กับนานาประเทศตามมูลฐานแห่งความเสมอภาคและความยุติธรรม และจะยึดมั่นในหลักการแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ กับจะร่วมมือกับทวงการชำนัญพิเศษต่าง ๆ ในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงของโลกรัฐบาลนี้จะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มีการแทรกแซงกิจการภายในจากต่างประเทศ และจะไม่ให้มีกองกำลังทหารและฐานทัพต่างชาติในประเทศไทย
นโยบายทางเศรษฐกิจ
รัฐบาลนี้จะปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและเกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติโดยเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินส่วนบุคคล และสนับสนุนให้เอกชนริเริ่มในทางเศรษฐกิจ แต่รัฐจะมีบทบาทในการจัดระเบียบเศรษฐกิจให้มากขึ้นตามความจำเป็น เพื่อการนี้รัฐบาลจะดำเนินการดังต่อไปนี้
๑. จะดำเนินการให้ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประชากรลดน้อยลงโดยใช้วิธีการภาษีอากรวิธีการงบประมาณ และวิธีการอย่างอื่น เพื่อให้มีการกระจายรายได้ในหมู่ประชากรอย่างเป็นธรรม
๒. จะปรับปรุงระบบภาษีอากรเพื่อให้เป็นธรรมแก่สังคมยิ่งขึ้น โดยจะเก็บภาษีทางตรงเพิ่มขึ้น ทั้งในด้านอัตราภาษี และประเภทของภาษี และจะบริหารงานเก็บภาษีอากรให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้จะปรับปรุงวิธีการและการบริหารงานเก็บภาษีการใช้จ่ายเงินแผ่นดินเป็นไปโดยประหยัด และมิให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ทั้งจะดำเนินการให้สถาบันการเงินเอกชนมีบทบาทในการช่วยเหลือเกษตรกรให้มากยิ่งขึ้น
๓. จะดำเนินการให้รัฐเป็นผู้ประกอบกิจการสาธารณูปโภค และกิจการอื่นที่เห็นว่าถ้ารัฐเป็นผู้ประกอบการแล้วจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ประชาชน สัมปทานหรือการผูกขาดตัดตอนในทางเศรษฐกิจที่ไม่เป็นธรรมแก่รัฐหรือที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน จะดำเนินการให้ยกเลิกเพิกถอนไป
๔. จะส่งเสริมการลงทุนทางอุตสาหกรรมของเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศให้ได้รับความเป็นธรรม ความมั่นใจและความสะดวกในการลงทุน จะส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้ผลผลิตทางเกษตรเป็นวัตถุดิบ อุตสาหกรรมที่ส่งผลผลิตไปจำหน่ายยังต่างประเทศ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว และการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมปลอดภาษี ในเวลาเดียวกันจะวางมาตรการรักษาสุขภาพและความปลอดภัยของกรรมกรในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งมาตรการที่จำเป็นเพื่อควบคุมมิให้เกิดภาวะสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และจะเร่งดำเนินการให้อุตสาหกรรมกระจายไปสู่ส่วนภูมิภาค
๕. จะช่วยให้ฝ่ายผู้ใช้แรงงานได้รับค่าจ้างและการปฏิบัติ จากฝ่ายนายจ้างอย่างเป็นธรรมและจะสนับสนุนการรวมกันของฝ่ายผู้ใช้แรงงาน เพื่อให้เกิดอำนาจต่อรองอย่างมีหลักเกณฑ์และเป็นธรรมระหว่างฝ่ายผู้ใช้แรงงาน และฝ่ายนายจ้าง เพื่อการนี้จะได้จัดตั้งทบวงแรงงานขึ้น เพื่อให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถปฏิบัติภารกิจได้ทันต่อเหตุการณ์
๖.จะส่งเสริมการค้าในประเทศและการค้าต่างประเทศ ให้ขยายกว้างขวางและมีระเบียบในด้านการค้าในประเทศ จะสอดส่องดูแลและคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค ส่วนในด้านการค้าต่างประเทศ จะขยายความสัมพันธ์ทางการค้ากับต่างประเทศให้กว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งจะส่งเสริมการส่งสินค้าออกและควบคุมการนำสินค้าเข้าเท่าที่จำเป็น เพื่อให้การค้ากับต่างประเทศมีดุลภาพ
๗. จะเร่งดำเนินการโครงการชลประทานขนาดเล็กให้แพร่หลายทั่วประเทศสำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งขาดแคลนน้ำ จะพัฒนาการชลประทานและคลองส่งน้ำให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
๘. จะส่งเสริมให้การประมงและการปศุสัตว์ ขยายตัวจนมีผลผลิตเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญและจะเร่งการปลูกยางพันธุ์ดีแทนยางพันธุ์พื้นเมือง
๙. จะดำเนินการอนุรักษ์ป่าไม้ และวางมาตรการป้องกันป่าไม้ของชาติไม่ให้ถูกทำลายและเร่งอนุรักษ์ป่าไม้ที่เป็นต้นน้ำลำธารที่ถูกทำลายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม
๑๐. จะดำเนินการขยายและปรับปรุงการขนส่งให้เหมาะสมกับสภาพของภูมิประเทศและความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อกระจายความเจริญให้ทั่วประเทศและสอดคล้องกับนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมุ่งหนักในการสร้างและพัฒนาเส้นทางขนส่งในระดับจังหวัดและชนบทจะปรับปรุงการขนส่งโดยรถประจำทางและรถไฟ เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย ประหยัด และเป็นธรรม จะส่งเสริมระบบขนส่งมวลชน และจะขยายปรับปรุงการบริหารสื่อสารทางโทรศัพท์และโทรคมนาคมให้เพียงพอแก่ความจำเป็น จะเร่งพัฒนาท่าเรือ และการพาณิชย์นาวีของประเทศให้เจริญก้าวหน้า และจะดำเนินการพัฒนาสนามบินที่มีอยู่แล้วให้เป็นสนามบินนานาชาติตามความเหมาะสม เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การบินระหว่างประเทศในย่านเอเชียอาคเนย์
๑๑. จะจัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด เพื่อพัฒนาท้องถิ่นเป็นเกณฑ์ประกอบกัน
นโยบายทางสังคม
๑. รัฐบาลนี้จะดำเนินการปฏิรูปการศึกษาให้เหมาะสม และสอดคล้องกับสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม จะจัดให้บุคคลมีโอกาสเท่าเทียมกันในการรับการศึกษาอบรมตามความสามารถทางสติปัญญา จะจัดทุนเล่าเรียนให้แก่ผู้ยากไร้แต่มีสติปัญญา และจะขยายการศึกษาผู้ใหญ่และอาชีวศึกษา โดยเน้นหนักในด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมในด้านการศึกษาภาคบังคับ จะเร่งขยายการศึกษาภาคบังคับชั้นประถมตอนปลายให้มีทั่วถึงทุกตำบลภายใน ๔ ปี และจะให้เด็กที่เข้าเรียนได้รับสมุด หนังสือ และเครื่องเขียน โดยไม่คิดมูลค่าอย่างทั่วถึง ส่วนเด็กที่ยากไร้ก็จะให้ได้รับเครื่องแบบนักเรียนโดยไม่คิดมูลค่า สำหรับโรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ จะเร่งจัดให้มีขึ้นครบถ้วนทุกอำเภอภายใน ๔ ปี สำหรับการศึกษาขั้นอุดมศึกษา จะให้มหาวิทยาลัยของรัฐมีอิสระในการดำเนินงานให้มากที่สุด โดยเฉพาะในด้านวิชาการ และจะให้มหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาครับนักศึกษาจากภาคนั้น ๆ ในอัตราส่วนมากกว่านักศึกษาจากภาคอื่น
๒. รัฐบาลนี้จะดำเนินการให้บริการสาธารณสุขแบบผสมผสาน ทั้งในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลให้กระจายไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นอย่างเพียงพอจะให้ประชาชนที่ยากไร้ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองหรือชนบท ได้รับการศึกษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่าจะให้มีโรงพยาบาลประจำอำเภอให้ครบถ้วนทุกอำเภอ และสถานีอนามัยชั้น ๒ ให้ครบถ้วนทุกตำบล ภายใน ๔ ปี จะจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อรักษาพยาบาลผู้ป่วยในท้องถิ่นห้างไกลกันดารและจะเร่งให้มีการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน
๓. รัฐบาลนี้จะส่งเสริมการสังคมสงเคราะห์ทั้งส่วนของรัฐ และของเอกชน โดยเฉพาะจะเกื้อกูลประชาชนในแหล่งเสื่อมโทรมเป็นพิเศษ
๔. รัฐบาลนี้จะจัดให้มีการก่อสร้างอาคารสงเคราะห์ ให้มีจำนวนเพียงพอกับความต้องการของประชาชน สำหรับที่พักอาศัยของทหารและตำรวจชั้นผู้น้อย และให้การเคหะแห่งชาติดำเนินการก่อสร้างให้ก่อน และให้แต่ละหน่วยงานตั้งงบประมาณชดใช้ให้เป็นรายปี
๕. รัฐบาลนี้จะลดอัตราการเพิ่มประชากร โดยเร่งวางแผนครอบครัวให้แพร่หลาย และจะเร่งให้มีการประกันสังคมสำหรับลูกจ้างเป็นอันดับแรก
๖. รัฐบาลนี้จะดำเนินการให้มีกฎหมายเกี่ยวกับสิทธิเสมอภาคของสตรี ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
นโยบายการบริหารราชการ
๑. รัฐบาลนี้จะเคารพความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและตุลาการในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี จะปรับปรุงและกำดำเนินการพิจารณาคดีของศาลให้เป็นไปโดยรวดเร็ว จะปรับปรุงแก้ไขระเบียบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมให้เหมาะสมเป็นผลดีแก่ประชาชน
๒. รัฐบาลนี้จะปฏิรูปวิธีการปฏิบัติราชการ และระเบียบราชการบริหารงานบุคคล เพื่อให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพสูง และให้ข้าราชการทุกฝ่ายทำหน้าที่รับใช้และเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริงโดยปราศจากการกดขี่ข่มเหงราษฎร สำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อยจะให้ความช่วยเหลือ โดยจัดให้มีสวัสดิการเพื่อการครองชีพ เช่น ในเรื่องที่อยู่อาศัยและการซื้อสินค้าจากรัฐวิสาหกิจ หรือถ้าจำเป็นให้เงินเพิ่มค่าครองชีพตามกำลังเงินงบประมาณการใด ๆ ที่ไม่เป็นธรรมแก่รัฐหรือแก่ประชาชนจะได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขยกเลิกเพิกถอนไปตามความแก่กรณี
ตามนโยบายที่ได้แถลงมานี้ คณะรัฐมนตรีจะได้ดำเนินการทุกวิถีทางที่จะให้บรรลุผลเพื่อให้ประชาชนมีความสุขสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ข้าพเจ้าและคณะจึงหวังอย่างยิ่งว่าท่านสมาชิกผู้มีเกียรติจะได้ให้ความร่วมมือ ให้ความไว้วางใจ แก่คณะรัฐมนตรี เพื่อจะได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินต่อไป ขอขอบคุณ
*รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๓/๒๕๑๙ (สามัญ สมัยแรก) วันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๑๙ หน้า ๑๔๓ – ๑๕๑