คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓๐
คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓๐ พลเอก ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๐๖ – ๗ มีนาคม ๒๕๑๒
แถลงนโยบาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๐๖
คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*
ท่านประธานสภา และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ
รัฐบาลของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินตามพระบรมราชโองการดังที่สภานี้ได้รับทราบแล้ว แม้ว่าตามธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักร รัฐบาลย่อมเข้าบริหารราชการได้โดยไม่ต้องแถลงนโยบายและไม่ต้องลงมติไว้วางใจรัฐบาลก็เห็นเป็นการสมควรที่จะขอโอกาสต่อสภาชี้แจงแนวทางซึ่งเป็นหลักสำคัญที่รัฐบาลจะบริหารราชการแผ่นดินต่อไป เพื่อให้สภาได้รับทราบและหากจะมีข้อซักถามประการใดก็ยินดีจะชี้แจง ทั้งนี้เพื่อความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลกับสภา และข้าพเจ้าในนามของรัฐบาลขอขอบคุณท่านประธานสภาและสมาชิกทั้งหลายที่ได้ให้โอกาสอันนี้แก่รัฐบาล
โดยที่รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินในระหว่างที่ใช้รัฐธรรมนูญการปกครองราชอาณาจักรอันเป็นผลของการปฏิวัติเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ เช่นเดียวกับรัฐบาลก่อนและโดยที่นโยบายบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลก่อนได้อำนวยคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างมากมายเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว รัฐบาลจึงจะยึดถือแนวบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายนั้น ซึ่งได้แถลงไว้ต่อสภาเมื่อวันที่ ๑๒ ภุมภาพันธ์ ๒๕๐๒
ดังนั้น รัฐบาลถือว่าเศรษฐกิจของประเทศเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง ฉะนั้น จึงจะได้สนใจเป็นพิเศษในการพิจารณาปรับปรุงและวางโครงการที่จะดำเนินต่อไปด้วยความระมัดระวัง และเป็นโครงการที่แน่นอนว่าสามารถดำเนินไปได้ตามกำลังของประเทศ กับทั้งที่จะได้ปรับปรุงมาตรการทั้งปวงให้เกิดประสิทธ์ภาพอย่างสูงสุด เพื่อความสำเร็จในตามความมุ่งหมาย
รัฐบาลจะดำเนินการพัฒนาประเทศในกิจการอันเป็นสาขาที่มีความสำคัญ คือการชลประทาน การทางหลวง การทรัพยากรธรณี การพัฒนาที่ดิน การพลังงาน กับการสหกรณ์ ซึ่งได้มารวมและก่อตั้งกระทรวงรับผิดชอบขึ้นเป็นกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ เพื่อให้การประสานงาน และควบคุมตรวจสอบผลงานโดยให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะรัฐบาลถือว่าโครงการพัฒนาต่าง ๆ อันเป็นพื้นฐานทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น
ในส่วนที่เกี่ยวแก่การคลังและการเงินของประเทศนั้น รัฐบาลจะยึดมั่นต่อไปในนโยบายรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงของเงินตรา และในเวลาเดียวกันก็จะพยายามหารายได้มาบำรุงประเทศให้มากยิ่งขึ้น การหารายได้เพิ่มขึ้นนี้จะดำเนินหนักไปในทางเพิ่มผลผลิตยิ่งกว่าการเพิ่มภาระการเสียภาษีให้แก่ราษฎร
รัฐบาลถือว่า การเกษตรเป็นเครื่องค้ำจุนอันสำคัญแห่งเศรษฐกิจของประเทศจึงจะได้ดำเนินการส่งเสริมการเกษตรทุกวิถีทางให้มีผลผลิตมากขึ้น ให้เป็นผลสนับสนุนแก่การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมให้เป็นหลักประกันสำหรับความปลอดภัยสาธารณา และการป้องกันประเทศและให้เป็นรากฐานอันสำคัญในอันที่จะได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศ ในการส่งเสริมการเกษตรเพื่อให้มีผลิตผลเพิ่มขึ้นนั้นรัฐบาลจะได้คำนึงถึงการที่จะให้กสิกรมีรายได้จากผลิตผลของตนเพิ่มมากขึ้นไปพร้อมกันด้วย
ในด้านการอุตสาหกรรม รัฐบาลจะได้ส่งเสริมและเร่งรัดควบคู่กันไปกับการส่งเสริมเกษตรกรรมเพื่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ
ในด้านการศึกษา รัฐบาลจะปฏิบัติตามนโยบายที่รัฐบาลก่อนแถลงไว้ จะให้ความสำคัญแก่การศึกษาเพื่อการอาชีพเป็นพิเศษ กับทั้งจะขยายการศึกษาชั้นสูงไปตามจังหวัดต่าง ๆ ให้มากยิ่งขึ้นด้วย
ในด้านการสาธารณสุข รัฐบาลจะส่งเสริมให้ประชาชนมีอนามัยดี และจะขยายการบำบัดโรคให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
รัฐบาลจะมุ่งรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศโดยจะปรับปรุงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และส่งเสริมการอาชีพของประชาชนตามความเหมาะสมของท้องที่และเศรษฐกิจของชาติ
การป้องกันประเทศ รัฐบาลจะดำรงซึ่งกำลังทหารไว้ และจัดให้ดียิ่งขึ้น โดยเร่งรัดปรับปรุงกรฝึก การศึกษา การสวัสดิการ รวมตลอดจนการจัดให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยพอควรแก่การป้องกันประเทศ
นอกจากนี้ รัฐบาลขอยืนยันว่า
๑. จะเทอดทูนพระมหากษัตริย์ และจะกระทำทุกวิถีทางเพื่อความมั่นคงแห่งราชบัลลังก์
๒. จะเชิดชูพระพุทธศาสนา และจะเคารพในสิทธิเสรีภาพของบุคคลในการนับถือศาสนาอื่น ๆ ด้วย
๓. จะบริหารประเทศโดยยึดมั่นในหลักประชาธิปไตย และจะเคารพในสิทธิของมนุษยชน การใดอันจะอำนวยความผาสุกแก่ประชาชน รัฐบาลจะได้ปฏิบัติการอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ที่ว่านั้น
๔. จะรักษาไว้ซึ่งสิทธิ และปฏิบัติตามพันธะที่มีตามสนธิสัญญากับประเทศทั้งหลายเฉพาะอย่างยิ่งจะยึดมั่นในหลักและเจตนารมณ์แห่กฎบัตรสหประชาชาติ และในอุดมการณ์ร่วมกันตามสนธิสัญญาการป้องกันร่วมกันแห่งอาเชียนตะวันออกเฉียงใต้
๕. จะส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ตามหลักสันติซึ่งตั้งอยู่บนมูลฐานแห่งความยุติธรรม ความเป็นจริง ความเป็นอิสระ เสรีของชาติไทย ความผาสุกของประชาชนและความมั่นคงของประเทศ และถือว่าความเข้าใจอันดีและความร่วมมือกันโดยใกล้ชิดกับประเทศต่าง ๆ ที่เป็นมิตร โดยเฉพาะประเทศในภาคพื้นอาเชียนตะวันออกเฉียงใต้ จะช่วยธำรงไว้ซึ่งสันติสุข และความเจริญก้าวหน้าในภารพื้นส่วนนี้ของโลก
ในที่สุด ข้าพเจ้าในนามคณะรัฐมนตรี ขอเรียนต่อสภานี้ และขอให้ถือเสมือนเป็นคำปฏิญาณต่อประชาชนทั้งชาติว่า ข้าพเจ้าและรัฐมนตรีทุกคนจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความพยายามและด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ และความสมบูรณ์พูลสุขของพี่น้องร่วมชาติทุกคน ขอขอบคุณ
*รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๑/๒๕๐๑ (วิสามัญ) วันพฤหัสบดีที่ ๙ มกราคม ๒๕๐๑ หน้า ๕๔ – ๕๘