คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑๓


คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑๓ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๔๘๘ – ๑๕ ตุลาคม ๒๔๘๘
แถลงนโยบาย เมื่อวันพุธที่ ๑๙ กันยายน ๒๔๘๘

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*

ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติทั้งหลาย

เนื่องจากได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามประกาศลงวันที่ ๑๗  กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ บัดนี้ข้าพเจ้าได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีเสร็จแล้ว

ในการที่ข้าพเจ้าและคณะรัฐบาลนี้เข้าบริหารราชการในระหว่างที่ประเทศชาติอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายย่อมจะทราบอยู่เองว่ารัฐบาลจะต้องมีความรับผิดชอบหนักเพียงใด แต่ถึงกระนั้นก็ดีรัฐบาลก็ขอให้คำมั่นต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าจะบริหารงาน ฟันฝ่าอุปสรรคเพื่อประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างดีที่สุดเท่าที่สามารถจะปฏิบัติได้รัฐบาลนี้จึงขอแถลงนโยบายไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร ดั่งต่อไปนี้

๑. รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในระบอบประชาธิปไตยอันมีรัฐธรรมนูญเป็นหลักปฏิบัติ

๒. รัฐบาลนี้จะบริหารราชการแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และด้วยความจงรักภักดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และรัฐธรรมนูญ

๓. รัฐบาลนี้จะได้แยกราชการประจำกับราชการฝ่ายการเมืองออกจากกันให้เด็ดขาดเพื่อให้การปกครองได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

๔. เนื่องจากสงครามเป็นเหตุทำให้จิตใจและศีลธรรมของมนุษยชาติเสื่อมทรามลงสำหรับนโยบายภายในรัฐบาลจึงเห็นควรแก้ไขปรับปรุงในด้านจิตใจและศีลธรรมของประชาชนคนไทยรวมทั้งข้าราชการโดยจะได้ดำเนินการเป็นการด่วน

(ก)    รักษาความสงบภายในให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย

(ข)    ปรับปรุงและส่งเสริมสมรรถภาพของข้าราชการในการศึกษานอกจากจะพยายามแก้ไขในส่วนที่ถูกกระทบกระเทือนจากการสงครามให้สู่สภาพปกติโดยเร็วแล้วจะพยายามปรับปรุงคุณภาพของการศึกษาโดยทั่ว ๆ ไปให้ดีขึ้นและจะเพ่งเล็งถึงศีลธรรมและอนามัยของนักเรียนเป็นสำคัญทั้งนี้โดยมีจุดหมายที่จะให้

(ค)    ได้พลเมืองดีเหมาะสมกับชาติที่รักสงบ

๕. ในทางการคลัง
(ก)    รัฐบาลจะจัดวางรากฐานแห่งการปรับปรุงรายได้รายจ่ายเสียใหม่ให้เหมาะแก่กาละเพื่อให้งบประมาณมีทางกลับเข้าสู่ดุลยภาพโดยเร็วและให้มีเงินจ่ายในการบูรณะบ้านเมืองตามสมควร

(ข)    จะจัดดำเนินการในทางอันจะดำรงไว้ซึ่งเสถียรภาพแห่งเงินตราไทยเพื่อให้พ่อค้าประชาชนได้อาศัยหลักที่มั่นคงในการประกอบการค้าและธุรกิจต่อไป

(ค)    จะปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาบรรดาที่รัฐบาลก่อน ๆ ได้ให้ไว้ในการกู้เงินสาธารณะ

๖. ในทางเกษตรกรรม จะพยายามส่งเสริมการเพาะปลูกการป่าไม้ การเลี้ยงสัตว์และการประมงให้มีปริมาณและคุณภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการปลูกข้าวซึ่งไม่ได้ผลดีเนื่องจากอุทกภัยและภาวะสงครามนั้นจะได้พยายามแก้ไขให้คืนดีเพื่อให้มีปริมาณเหลือพอที่จะจำหน่ายให้แก่สหประชาชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

๗. ในส่วนที่เกี่ยวแก่อุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมนั้นจะได้ส่งเสริมให้ประชาชาชนได้ประกอบโดยเสรีเพื่อการนี้จะได้พยายามปล่อยการค้าและอุตสาหกรรมซึ่งรัฐบาลได้ทำอยู่บางอย่างให้ประชาชนได้ประกอบการ นั้น ๆ ต่อไปเท่าที่จะทำได้ อาทิเช่นจะได้ถอนตัวออกจากบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นเป็นส่วนใหญ่เสีย

๘. ในปัญหาการครองชีพเกี่ยวกับเครื่องอุปโภคบริโภคซึ่งอยู่ในระดับสูงนั้นรัฐบาลจะพิจารณาและจัดการเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ลดน้อยลงเท่าที่สามารถจะทำได้

๙. สำหรับการสาธารณสุขโดยที่สถานะสงครามเป็นเหตุให้ขาดเครื่องเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่เป็นการเพียงพอที่จะป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บรัฐบาลนี้จะพยายามจัดหาให้มีใช้กันพอเพียง

๑๐. การคมนาคม ได้แก่ ถนนหนทาง การรถไฟและการสื่อสารอื่น ๆ ซึ่งชำรุดทรุดโทรมขาดการบูรณะมานั้น รัฐบาลจะได้รีบจัดการบูรณะโดยด่วน

๑๑. สำหรับนโยบายในการต่างประเทศรัฐบาลนี้จะได้ปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระบรมราชโองการประกาศสันติภาพ เมื่อวันที่ ๑๖ สิงหาคม ๒๔๘๘ และจะได้ร่วมมือและส่งเสริมสัมพันธไมตรีกับสหประชาชาติให้ดียิ่งขึ้นทั้งพร้อมที่จะร่วมมือในอันที่จะสถาปนาเสถียรภาพของโลกโดยยึดมั่นในอุดมคติซึ่งสหประชาชาติได้วางข้อตกลงไว้ ณ นครซานฟรานซิสโก

ทั้งนี้หวังว่าสภาผู้แทนราษฎรคงจะให้ความไว้วางใจแก่รัฐบาลชุดนี้ด้วยดี เพื่อจะได้เข้าบริหารงานตามความในมาตรา ๕๐ แห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยสืบไป

*รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๒๓/๒๔๘๘ (สามัญ) สมัยที่ ๒ ชุดที่ ๓ วันพุธที่ ๑๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๘๘ หน้า ๘๖๒ – ๘๖๔