คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑๐


คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑๐ จอมพลแปลก พิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๗ มีนาคม – ๒๔ กรกฎาคม ๒๔๘๗
แถลงนโยบาย เมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๔๘๕

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*

ท่านประธานสภาและท่านสมาชิกทั้งหลาย

การที่ข้าพเจ้าและคณะรัฐบาลชุดก่อนได้กราบถวายบังคมลาออกโดยปัจจุบันทันด่วนเมื่อวันที่ ๖ เดือนนี้ และไม่ปรากฏชัดแจ้งว่ามีเหตุการณ์อันใดนั้น อาจเป็นที่สงสัยวิตกกังวลของประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรดาผู้แทนราษฎร อันที่จริงไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลใหม่ที่จะแถลงเรื่องความเป็นไปในรัฐบาลเก่าแต่โดยเหตุที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้ากลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกและให้รัฐมนตรีส่วนมากในคณะเก่าได้กลับมาบริหารราชการแผ่นดินข้าพเจ้าจึงขอถือโอกาสแถลงให้ทราบถึงเหตุผลที่ลาออกและตั้งใหมไว้ในที่นี้ด้วย

               คณะรัฐบาลเก่าซึ่งมีข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรี ได้แถลงนโยบายต่อสภานี้และได้รับความไว้วางใจจากสภาเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๔๘๑ ซึ่งเมื่อนับถึงบัดนี้ก็จะเป็นเวลา ๓ ปีเศษเวลานั้นโลกยังอยู่ในความสงบมหาสงครามในยุโรปยังมิได้เกิดขึ้นนโยบายของคณะรัฐบาลที่แถลงไว้ก็ตั้งความมุ่งหมายส่วนสำคัญไปในทางสร้างชาติ โครงงานต่าง ๆ ได้วางไว้สำหรับยามสันติ แต่ในช่วงเวลา ๓ ปีที่ได้รับภาระบริหารราชการแผ่นดินมาความเป็นไปของโลกได้ผันผวนปรวนแปรรุนแรงขึ้นโดยลำดับ ในวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๘๒ มหาสงครามได้อุบัติขึ้นในยุโรปและเป็นสงครามที่ยืดยาวมาจนกระทั่งบัดนี้ ในวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๔๘๓ ประเทศไทย
ต้องจับอาวุธเข้าทำการสู้รบ ซึ่งเป็นเคราะห์ดีที่กลับสงบได้ในวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๔๘๔ ครั้นต่อมาถึงวันที่ ๘ ธันวาคม ปีเดียวกัน ก็ได้เกิดสงครามอันใหญ่หลวงขึ้นในทวีปเอเชีย ประเทศไทย ได้เข้าร่วมมือกับญี่ปุ่นและต่อมาในวันที่ ๒๕ มกราคม ศกนี้ไทยได้ประกาศสงครามกับบริเตนใหญ่และสหรัฐอเมริกาเมื่อเหตุการณ์ได้ผันผวนมาอย่างรุนแรงถึงเพียงนี้ก็ย่อมจะเป็นที่ประจักษ์แก่
สภานี้ว่าโครงงานต่าง ๆ ที่จัดตั้งไว้สำหรับในยามสงบนั้นไม่สามารถจะใช้ต่อไปได้ และนโยบายที่แถลงไว้ตั้งแต่วันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๔๘๑ นั้นก็ย่อมจะพ้นสมัยคณะรัฐบาลชุดก่อนได้รู้สึกว่าไม่สามารถจะบริหารราชการแผ่นดินไปตามรูปการและนโยบายเก่านั้นได้จึงได้กราบถวายบังคมลาออกทั้งคณะเมื่อวันที่ ๖ เดือนนี้

               บัดนี้ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าพเจ้ากลับเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและควบคุมตั้งคณะรัฐบาลขึ้นใหม่ ข้าพเจ้าจึงขอแถลงนโยบายต่อสภาให้ทราบถึงแนวทางที่รัฐบาลนี้จะดำเนินต่อไป

               สภานี้คงทราบตระหนักดีแล้วว่าการบริหารราชการแผ่นดินในยามสงครามนั้นจะใช้วิธีการอย่างเดียวกับในยามสันติหาได้ไม่ ข้อสำคัญในเบื้องต้นที่จะต้องแสดงออกให้แน่ชัดก็คือว่าในสถานการณ์เช่นนี้

               รัฐบาลจำต้องเรียกร้องให้ทุก ๆ คนเสียสละ และความเสียสละที่จะเรียกร้องนี้ก็จะต้องมีปริมาณมากกว่าในยามสงบ แต่อย่างไรก็ดีรัฐบาลนี้ขอรับรองให้คำมั่นว่าจะไม่ขอร้องให้เสียสละอย่างหนึ่งอย่างใดเกินไปกว่าความจำเป็นที่จะต้องรักษาความปลอดภัยและความเป็นอยู่ด้วยดีของชาติ

               รัฐบาลมีความตั้งใจแน่วแน่ ที่จะปฏิบัติงานทุกอย่างด้วยความเข้มแข็ง ข้าราชการทุกคนจะต้องได้รับความกวดขันให้อยู่ในวินัยอย่างเคร่งครัด และให้ปฏิบัติงานให้ก้าวหน้าเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติจะได้มีการตรวจตราสอดส่องความซื่อสัตย์สุจริตทั้งในทางการเงิน และในการอื่น ๆ จะได้ดำเนินการให้มีกฎหมาย กฎข้อบังคับ และระเบียบแบบแผนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ จะได้เผยแพร่กิจการของรัฐบาลให้ราษฎรทราบโดยละเอียดที่สุดที่จะทำได้ เพื่อให้รัฐบาลกับราษฎรมีการติดต่อกันได้อย่างใกล้ชิด

               โดยเหตุที่ประเทศไทยอยู่ในสถานะสงคราม กำลังทหารย่อมเป็นสำคัญที่จะต้องเพิ่มพูนสมรรถภาพยิ่งขึ้นเพื่อให้ได้ชัยชนะเป็นผลสำเร็จและย่อมทราบกันอยู่แล้วว่าสงครามนั้นไม่สามารถทำได้แต่เพียงด้วยกำลังคนและกำลังอาวุธเท่านั้น ยังต้องอาศัยกำลังเงินเป็นปัจจัยอันสำคัญค่าใช้จ่ายย่อมจะต้องมีเพิ่มพูนมากขึ้นรายได้อันเกิดจากสินค้าและอุตสาหกรรมจะลดน้อยลงไป ซึ่งเป็นธรรมดาในทุก ๆ ประเทศที่อยู่ในสถานะสงครามสิ่งที่รัฐบาลจะสนใจอย่างดีที่สุดก็คือ ความมั่นคงในการคลังของประเทศและในเวลาเดียวกันก็จะหาวิถีทางให้การเงินหมุนเวียนให้ราษฎรได้รับความสะดวกในการซื้อขายอย่างดีที่สุดที่จะพึงทำได้

               ข้าพเจ้าทราบดีว่าในสถานการณ์เช่นนี้ ทุก ๆ คนคงมีความวิตกห่วงใยถึงอนาคตของชาติข้าพเจ้าจึงของแถลงไว้ในที่นี้ว่า สำหรับราษฎรโดยทั่วไปนั้นไม่พึงต้องวิตกอย่างใดการเข้าสงครามและการร่วมมือกับญี่ปุ่นในครั้งนี้ ก็ได้ยึดมั่นในหลักการที่เคารพเอกราชและอธิปไตยของกันและกันรัฐบาลนี้จะพยายามเต็มความสามารถที่จะรักษาหลักการอันนี้ไว้เสมอและก็จะพยายามทำทุก ๆ ทางที่จะร่วมมือกับพันธมิตรของไทยจนกว่าจะได้ชัยชนะส่วนการติดต่อกับนานาประเทศซึ่งมิได้เป็นศัตรูนั้นก็ยังพยายามทำไปด้วยดีเพื่อให้ประเทศไทยอยู่ในฐานะเทียบบ่าเทียมไหล่กับนานาชาติเสรีอยู่เสมอแต่ก็ย่อมทราบกันอยู่แล้วว่าการที่เราสามารถยกตนขึ้นเทียมบ่าเทียมไหล่กับนานาชาตินั้น จำจะต้องบำรุงให้ราษฎรของเรามีมาตรฐานการกินอยู่การครองชีพดียิ่งขึ้นให้สมกับที่เราเป็นอารยชนชาติที่เจริญ

               ฉะนั้นรัฐบาลจึงจะสนใจในการบำรุงเศรษฐกิจเพื่อให้รัฐบาลและราษฎรได้มีฐานะทางเศรษฐกิจดียิ่งขึ้น นอกจากการครองชีพแล้ว รัฐบาลก็จะสนใจในการบำรุงรักษาอนามัยของราษฎรเพื่อให้ราษฎรมีอายุยืน มีกำลังแข็งแรงปราบโรคภัยต่าง ๆ สภานี้คงจะได้เห็นความสนใจในเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งรัฐบาลเก่า ถึงกับได้จัดตั้งกระทรวงการสาธารณสุขขึ้นเป็นเคราะห์ดีอย่างหนึ่งที่ประเทศ
เราเป็นประเทศกสิกรรมซึ่งเป็นที่แน่ใจว่าถึงอย่างไรความอดอยากคงจะไม่มีมาแต่ถึงกระนั้นก็จะต้องส่งเสริมให้ราษฎรประกอบอาชีพกสิกรรมให้ยิ่งขึ้น และหาทางให้ราษฎรได้รับผลจากงานกสิกรรมให้ดีที่สุดที่จะทำได้การส่งผลิตผลแห่งกสิกรรมออกนอกประเทศ ซึ่งได้รับความกระทบกระเทือนเพราะการสงครามนั้น ก็จะได้พยายามทำให้กลับคืนดีขึ้นเพื่อให้เกิดผลแก่ราษฎรในเรื่องนี้รัฐบาลจะสนใจยิ่งในเรื่องการคมนาคมเพราะการคมนาคมเป็นเส้นโลหิตของประเทศชาติซึ่งรัฐบาลจะกอบกู้และบำรุงทั้งในทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ ตลอดถึงการถนน การรถไฟและการเดินเรือทะเลเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่เศรษฐกิจและการสัญจรไปมาของมหาชนอย่างดีที่สุดที่จะทำได้ถึงแม้ราษฎรจะถูกเรียกร้องให้เสียสละเพื่อช่วยประเทศชาติในยามสงครามดังกล่าวมาข้างต้นแล้วก็ดีรัฐบาลก็จะไม่ปล่อยปละละเลยในการที่จะปกครองให้ราษฎรได้รับความร่มเย็นเป็นสุขตามที่จะพึงทำได้ในสภาพการเช่นนี้รัฐบาลจะปกครองราษฎรอย่างญาติพี่น้องและพยายามเพิ่มพูนความวัฒนาถาวรให้ทุกวิถีทางการปราบปรามโจรผู้ร้ายจะได้กระทำด้วยความเข้มงวดกวดขันยิ่งขึ้น และถึงแม้ยามนี้เป็นเวลาใช้กฎอัยการศึกรัฐบาลก็จะรักษาไว้ซึ่งเอกราชในการศาลและรักษาฐานะของผู้พิพากษาตามควรแก่อิสระที่มีในการพิจารณาพิพากษาคดีและบ้านเมืองจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตามรัฐบาลจะไม่ละเลยในการบำรุงการศึกษาของชาติให้ขึ้นสู่ระดับอันดียิ่งขึ้นไปเพื่อให้เทียบทันอารยประเทศให้เร็วที่สุดโดยอาศัยการปรับปรุงหลักสูตรตำราเรียนการยกย่องฐานะของครูให้สมกับที่จะเป็นผู้สั่งสอนอบรมกุลบุตรกุลธิดาของชาติทั้งจะพยายามจัดการศึกษาให้มีระดับเดียวกันทั่วราชอาณาจักรด้วยตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นข้อความย่อ ๆ โดยทั่วไปต่อไปนี้จะได้แถลงนโยบายของแต่ละกระทรวงเพื่อให้สภา
นี้ทราบ

๑. กระทรวงกลาโหม

               โดยเหตุที่ประเทศนี้อยู่ในสถานะสงคราม รัฐบาลจะบำรุงกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น ทั้งในคุณภาพและปริมาณเพื่อดำเนินการรบร่วมกับพันธมิตรของไทยให้บรรลุถึงชัยชนะและในการนี้จะได้แสวงหาทางชักชวนให้ราษฎรทั่วไปบำรุงการทหารให้ยิ่งขึ้น

๒. กระทรวงการคลัง

               โดยเหตุที่การเงินเป็นปัจจัยอันสำคัญในการดำเนินสงครามไปสู่ชัยชนะ รัฐบาลจึงจะจัดระเบียบการคลังให้เข้ารูปเหมาะสมกับในยามสงครามโดยวิธีการดังต่อไปนี้

               ๑. จัดควบคุมเครดิตให้เหมาะสมกับความต้องการของประเทศเพื่อความมั่นคงแห่งเงินตรา

               ๒. จะพยายามรักษาความมั่นคงแห่งเงินตราตามกฎหมายให้เหมาะสมกับสถานการณ์

               ๓. จะพยายามแก้ไขให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการเสียภาษีอากรยิ่งขึ้น

               ๔. จะจัดการป้องกันมิให้การหมุนเวียนของการเงินต้องขัดข้อง หยุดชะงักเพราะสภาพสงคราม

๓. กระทรวงการต่างประเทศ

               เมื่อสงครามมหาเอเชียตะวันออกได้อุบัติขึ้น ประเทศไทยซึ่งมีมิตรสัมพันธ์กับญี่ปุ่นอย่างสนิทสนมยิ่งอยู่แล้วนั้นได้พิจารณาเห็นว่าการสถาปนาระเบียบใหม่ในเอเชียตะวันออกเป็นทางที่จะประสิทธิ์ความไพบูลย์ในวงเขตนี้ และเป็นเงื่อนไขอันจำเป็นที่จะยังสันติภาพแห่งโลกให้คืนดีและมั่นคงแข็งแรงจึงได้ตกลงทำกติกาสัญญาพันธไมตรีกับญี่ปุ่นซึ่งมีข้อความสำคัญว่า ต่างฝ่าย
ต่างเคารพเอกราชและอธิปไตยแห่งกันและกันและในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่ในการขัดกันทางอาวุธกับประเทศภายนอกอีกฝ่ายหนึ่งจะเข้าเป็นพันธมิตรทันทีและจะให้ความช่วยเหลือด้วยบรรดาปัจจัยในทางการเมือง การเศรษฐกิจและการทหาร

               การที่ประเทศไทยเข้าร่วมมือกับญี่ปุ่นตามกติกาสัญญาที่กล่าวข้างต้นนั้น ย่อมจะช่วยให้สงครามในบุรพทิศสำเร็จเสร็จสิ้นลงโดยง่าย และจะนำสันติสุขมาสู่ชาวเอเชียตะวันออกโดยรวดเร็วฉะนั้นรัฐบาลนี้จะดำเนินการให้สำเร็จตามผลกติกาสัญญานั้น เพื่อให้สมกับฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเอกราชร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นในมหาเอเชียตะวันออกและเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์อันสูง
คือ สันติสุขของชาวบุรพทิศดังกล่าวแล้ว

               รัฐบาลจะจำเริญมิตรภาพกับอักษะประเทศ ซึ่งร่วมอุดมคติกันอยู่นั้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น จะส่งเสริมสัมพันธ์ไมตรีกับบรรดามิตรประเทศให้สนิทสนมมากขึ้นด้วย และจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อมิให้ประชาชนต้องวิตกเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติ

๔. กระทรวงการเศรษฐกิจ

               ในการบำรุงเศรษฐกิจของประเทศนั้น รัฐบาลจะได้ร่วมมือกับประชาชนในฐานะเป็นผู้นำกิจการใดอันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาติ รัฐบาลจะเป็นผู้นำทำหรือเข้าร่วมมือกับเอกชน แต่การใดที่เห็นควรจะปล่อยได้ก็จะได้ปล่อยให้บริษัทหรือเอกชนดำเนินการต่อไป

               เพื่อให้ได้ผลในทางเศรษฐกิจของชาติ กระทรวงการเศรษฐกิจจะได้ดำเนินการดังต่อไปนี้

               ๑. จะแก้ไขการค้าอันถูกกระทบกระเทือนจากสงครามให้สู่สภาพดีขึ้น โดยวิธีหาตลาดสินค้าไทยภายนอกประเทศ และส่งเสริมคุณภาพและปริมาณสินค้าภายในประเทศให้ดีขึ้นเป็นลำดับ

               ๒.จะจัดหาเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นในการครองชีพให้เพียงพอแก่ความต้องการของ
ประชาชน

               ๓. จะดำเนินการควบคุมเครื่องอุปโภคและบริโภคที่จำเป็นแก่การครองชีพ หาทางป้องกันแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งอาจจะมีขึ้นโดยเนื่องจากเครื่องอุปโภคและบริโภคขาดแคลน

               ๔. จะส่งเสริมอบรมคนไทยให้เกิดความรู้ความชำนาญในการอุตสาหกรรมเหมืองแร่

               ๕. จะสำรวจในทางธรณีวิทยา เพื่อค้นหาโภคทรัพย์ใต้ดินสำหรับใช้ในการอุตสาหกรรม

               ๖. จะบำรุงอุตสาหกรรมภายในครอบครัว และส่งเสริมอุตสาหกรรมหรือจัดสร้างโรงงานบางอย่างที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพของประชากรขึ้น เพื่อทำวัตถุดิบภายในให้เป็นสินค้าสำเร็จรูป โดยจะจัดตั้งเป็นองค์การสำหรับดำเนินการ

๕. กระทรวงการสาธารณสุข

               นโยบายของกระทรวงการสาธารณสุขนั้น มุ่งผลสำคัญในทางเพิ่มพูนประชากรของชาติไม่แต่เฉพาะในทางปริมาณ แต่จะสนใจในทางคุณภาพและวัฒนธรรมด้วย

               เพื่อให้ได้ผลดั่งกล่าว กระทรวงการสาธารณสุขจะได้ดำเนินการดังต่อไปนี้

               ๑. จะจัดการป้องกันและกำจัดโรคสำคัญซึ่งเป็นเหตุให้ประชากรตายมาก และหาวิธีทางส่งเสริมให้เด็กเกิดมามีอนามัยดี ไม่ตายเสียแต่อายุยังเยาว์

               ๒. จะปรับปรุงการสุขาภิบาลชนบทและในเขตเทศบาลให้มีสภาพดีขึ้น กับจะเร่งเผยแพร่การสุขศึกษาแก่ประชาชนยิ่งขึ้น

               ๓. จะจัดให้มีสถานพยาบาลสำหรับบำบัดโรคแก่ประชากรให้มากแห่งขึ้น เช่น การเพิ่มสุขศาลาโรงพยาบาลบำบัดโรคทั่วไปและบำบัดโรคเฉพาะ เช่น โรคไข้จับสั่น กามโรค วัณโรค และโรคเรื้อน เป็นต้น

               ๔. จะจัดขยายการรับนักศึกษาในทางแพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ เภสัชกรรมศาสตร์ และสัตวแพทยศาสตร์ให้มีจำนวนผู้สำเร็จการศึกษาตามมาตรฐานสากลให้มากขึ้น จะจัดการอบรมบรรดานายแพทย์และเภสัชกรที่สำเร็จการศึกษาไปแล้วให้มีความรู้เพิ่มพูนยิ่งขึ้นด้วย

               ๕. จะจัดการอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ในทางวิชาการ และปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือนายแพทย์ในทางธุรการทั่วไป

               ๖. จะจัดให้มีการตรวจค้นหาความรู้ในเรื่องสรรพคุณยาสมุนไพร และยาอื่น ๆ ภายในประเทศเพื่อนำมาดัดแปลงเป็นยาแผนปัจจุบัน และขยายกิจการทำยาให้มากชนิดและมีปริมาณมากขึ้นนอกจากนี้จะจัดทำวัคซีน และเซรุ่มป้องกันและบำบัดโรคต่าง ๆ ให้มีมากชนิด และมีปริมาณพอความต้องการภายในประเทศ

               ๗. จะส่งเสริมให้ประชาชนมีวัฒนธรรม และมีการครองชีพเหมาะสมกับความเป็นอยู่ตามท้องถิ่นภูมิลำเนานั้น ๆ กับจะจัดการสงเคราะห์ผู้ไร้อาชีพให้มีงานทำตลอดจนอุปการะคนทุพพลภาพคนชราและเด็กไร้ที่พึ่งด้วย

๖. กระทรวงเกษตราธิการ

               นโยบายกระทรวงเกษตราธิการ มีหลักสำคัญที่จะต้องบำรุงกสิกรรมให้ได้ผลเพิ่มพูนยิ่งขึ้นโดยรวดเร็วเพื่อให้พืชผลพอใช้ในประเทศในยามสงครามและเพื่อให้สามารถส่งพืชผลออกขายนอกประเทศอย่างดีที่สุดที่จะทำได้

               เพื่อการนี้ กระทรวงเกษตราธิการจะได้ดำเนินการดั่งต่อไปนี้

               ๑. จะบำรุงพืชพื้นเมืองตลอดถึงสัตว์ให้มีคุณภาพและปริมาณเป็นสินค้าสำคัญยิ่งขึ้น

               ๒. จะบำรุงหนองและบึงให้เป็นที่เพาะและแพร่พันธ์ปลา และส่งเสริมการประมงทางทะเล

               ๓. จะทำงานก่อสร้างทางชลประทานที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จ และจัดวางโครงการต่อไป ในภาคใดยังไม่สามารถจัดวางโครงการใหญ่ได้ ก็จัดวางโครงการย่อยตามลำดับความจำเป็น

               ๔.จะบำรุงรักษาป่าและดำเนินการเรื่องสินค้าไม้ให้เป็นผลดียิ่งขึ้นทั้งในคุณภาพและปริมาณ

               ๕. จะขยายการสหกรณ์กู้ยืม และจัดตั้งสหกรณ์รูปอื่นสุดแต่ความจำเป็นก่อนหลัง

๗. กระทรวงคมนาคม

               โดยเหตุที่การคมนาคมเป็นอุปกรณ์สำคัญในการดำเนินสงคราม และการบำรุงเศรษฐกิจของประเทศกระทรวงคมนาคมจะได้ปฏิบัติการเพื่อให้ได้ผลในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่สงครามและความจำเป็นทางเศรษฐกิจดั่งต่อไปนี้

               ๑. จะส่งเสริมการคมนาคมทางบก ทางน้ำ และทางอากาศให้ดียิ่งขึ้น

               ๒. การสื่อสารทางไปรษณีย์ โทรเลข โทรศัพท์ และวิทยุ ก็จะปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นโดยลำดับ

               ๓. ความไม่สะดวกบางประการในทางคมนาคม และในทางสื่อสารอันเป็นผลเนื่องมาจากสงครามนั้นจะจัดการแก้ไขโดยเร็วที่ตามกำลังทรัพย์และกำลังคนที่จะทำได้

               ๔. จะขยายการออมสินให้ครบรูป

๘. กระทรวงมหาดไทย

               ความมุ่งหมายสำคัญในกิจการอันเป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ก็คือ การปกครองราษฎรให้มีความปลอดภัยและผาสุก และอบรมสั่งสอนให้มีความเจริญด้วยวัฒนธรรม ศีลธรรมตลอดถึงการชี้แจงแนะนำในการประกอบอาชีพให้ได้ผลเป็นที่พึ่งตนเองได้

               เพื่อให้ได้ผลดั่งกล่าวข้างต้นนี้ กระทรวงมหาดไทยจะได้ดำเนินการดังต่อไปนี้

               ๑. การตำรวจ จะให้ความอารักขาและความปลอดภัยแก่ประชาชนในเรื่องโจรผู้ร้ายและการละเมิดอันเป็นอาญาอื่น ๆโดยจัดการป้องกันและปราบปรามอย่างกวดขันโดยที่ฝ่ายตำรวจเข้ารับหน้าที่การสอบสวนคดีจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองมาจัดการดำเนินการทางตำรวจและปรับปรุงกฎหมายในเรื่องนี้แล้วรัฐบาลนี้จึงจะเพิ่มจำนวน และปรับปรุงสมรรถภาพของตำรวจให้เข้มแข็ง
ยิ่งขึ้นเพื่อความสันติสุขของประชาชนทั่วไปในราชอาณาจักร

               ๒. การมหาดไทยจะปรับปรุงสมรรถภาพเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อให้มีความสมรรถภาพหนักไปในทางอบรมสั่งสอนและช่วยเหลือราษฎรให้ตั้งหน้าประกอบการอาชีพเป็นหลักฐานซึ่งจะยังผลสมบูรณ์ให้แก่ครอบครัว และประเทศชาติในยามคับขันเช่นนี้กับจะชักจูงแนะนำให้ราษฎรรู้จักตั้งตนอยู่ในศีลธรรมอันดีและเจริญด้วยวัฒนธรรม อันจะเป็นทางนำให้ตั้งตนไว้โดยชอบทั้งจะปรับปรุงการปกครองในส่วนท้องถิ่นให้มีความวัฒนาและเหมาะสมแก่กาลสมัยยิ่งขึ้น

               ๓. การสาธารณูปโภค เพื่อประโยชน์แก่ความสะดวกปลอดภัยและความสวยงามแก่บ้านเมืองจะได้ดำเนินการเร่งรัดในเรื่องน้ำบริโภคและไฟฟ้าให้มีขึ้นโดยทั่วไปและดำเนินการเรื่องจัดระเบียบผังเมืองโดยวิธีให้เจ้าหน้าที่ผู้ทรงคุณวุฒิออกแบบแผนผังเมืองและแนะนำช่วยเหลือแก่ที่ชุมชนและเทศบาล เพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามความมุ่งหมายนี้

               ๔. การที่ดินจะควบคุมที่ดินรกร้างว่างเปล่าอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้เป็นไปในทางที่จะบังเกิดผลอันดี โดยร่วมมือกับกระทรวงทบวงกรมเจ้าหน้าที่อื่นเพื่อให้ได้มีการจัดประเภทที่ดินเพื่อเป็นผลอันดีในทางเศรษฐกิจ มีการป่าไม้ แร่ เกษตร เป็นต้น จะช่วยบุคคลที่ตั้งใจประกอบอาชีพตามอิสระให้ได้รับความสะดวกในการจับจองที่ดินรกร้างว่างเปล่าส่วนที่ดินที่ตกเป็นกรรมสิทธิ์หรือมีสิทธิครอบครองได้รับหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองเป็นหลักฐานไว้ในมือกับจะปรับปรุงกฎหมายและระเบียบปฏิบัติใหม่ให้เหมาะสมกับกาลสมัย

               ๕. การราชทัณฑ์ จะอบรมกล่อมเกลาดัดนิสัยอาชญากรให้มีศีลธรรมปลูกฝังให้มีความซาบซึ้งในหลักธรรมของธรรมจริยา เพื่อเป็นผลให้ละชั่วประพฤติตัวเป็นพลเมืองดีต่อไปและสั่งสอนให้รู้จักและรักการประกอบอาชีพทางสัมมาอาชีวะกับทั้งจะทวีการจัดตั้งทัณฑนิคมให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ต้องขังที่ประพฤติตัวดี

๙. กระทรวงยุติธรรม

               ถึงแม้จะเป็นยามสงคราม และมีการประกาศกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักรแล้วก็ดี นโยบายของกระทรวงยุติธรรมก็ยังยึดมั่นในหลักสำคัญดังต่อไปนี้

               ๑. จะรักษาไว้ซึ่งทางเอกราชในทางศาล

               ๒. จะรักษาและส่งเสริมฐานะของผู้พิพากษาตามควรแก่อิสระที่มีในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดี

               ๓. จะสอดส่องให้กระบวนพิจารณาในศาลดำเนินไปโดยรวดเร็วเพื่อประโยชน์ของราษฎร

๑๐. กระทรวงศึกษาธิการ

               นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการมีจุดประสงค์ที่จะอบรมพลเมืองของชาติให้มีคุณลักษณะเหมาะสมกับความต้องการของชาติในปัจจุบัน และให้ก้าวหน้าทันความเจริญของบ้านเมืองในอนาคตกระทรวงศึกษาธิการจะได้ดำเนินการดั่งต่อไปนี้

               ๑. สามัญศึกษา โดยทั่วไปจะเร่งรัดส่งเสริมคุณภาพ สมรรถภาพ และผดุงฐานะของครูให้ดียิ่งขึ้นกับจะปรับปรุงหลักสูตร แบบเรียน ให้เหมาะสมแก่กาลสมัยและให้ได้ระดับมาตราฐานสม่ำเสมอกันทั่วราชอาณาจักรสำหรับการศึกษาภาคบังคับจะขยายออกไปตามความประสงค์ของพระราชบัญญัติประถมศึกษาส่วนภาคนอกบังคับจะจัดให้การศึกษาในโรงเรียนสตรีชั้นมัธยมบริบูรณ์ทั่วทุกจังหวัด เช่นที่ได้จัดแก่โรงเรียนชายโดยครบถ้วนแล้วนอกจากนี้จะสนับสนุนช่วยเหลือ และปรับปรุงโรงเรียนราษฎร์ให้ทวีขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ

               ๒. อาชีวศึกษา จะจัดให้มีสถานศึกษาอาชีพประเภทต่าง ๆ เป็นปึกแผ่นเหมาะสมกับท้องถิ่นตามลำดับความจำเป็น จะปรับปรุงและปฏิบัติงานให้เหมาะสมแก่ความต้องการของประเทศชาติโดยเฉพาะในขณะที่อยู่ในภาวะคับขัน โดยจะฝึกหัดและเพิ่มจำนวนช่างฝีมือประเภทต่าง ๆให้มีความรู้ความชำนาญในวิชาชีพที่จำเป็นให้เพียงพอและส่งเสริมให้ประกอบประดิษฐกรรมบางชนิดขึ้นได้เองให้สอดคล้องกับโครงการอุตสาหกรรมของรัฐบาลด้วย

               ๓. จะปรับปรุงอุดมศึกษาให้มีคุณภาพและปริมาณยิ่งขึ้น โดยจัดเพิ่มแผนกวิชาขึ้นตามความจำเป็นกับจะได้จัดตั้งโรงเรียนเตรียมอุดม และมหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคตามลำดับ

               ๔. จะเร่งส่งเสริมการพลศึกษา โดยให้นักเรียนได้รับการฝึกอบรมการกีฬาให้มากยิ่งขึ้นเพื่อความสมบูรณ์ในร่างกายและพลานามัย มีจิตใจเป็นนักกีฬา และเป็นพลเมืองที่เข้มแข็งของชาติ ทั้งจะให้การพลศึกษาแพร่หลายเป็นประโยชน์ถึงประชาชนอีกด้วย

               ๕. การศึกษาผู้ใหญ่ จะกวดขันผู้ใหญ่ที่ไม่รู้หนังสือได้รับการศึกษาจนอ่านออกเขียนได้เข้าใจหน้าที่ของพลเมือง และเป็นกำลังส่งเสริมนโยบายของรัฐบาลให้เหมาะสมกับกาลสมัย

               ๖. จะรักษาส่งเสริมศิลปกรรมของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการช่างฝีมือไทยแบบโบราณให้รุ่งเรืองถาวรเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติและวัฒนธรรมของชาติจะได้ผดุงการศึกษาศิลปกรรมแบบใหม่และดัดแปลงใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของประเทศไทยจะใช้ศิลปกรรมเป็นอุปกรณ์ช่วยการศึกษาผู้ใหญ่ทั้งในทางความรู้และคุณภาพทางใจ

               ๗. ในส่วนพระพุทธศาสนา จะดำเนินการให้สมบูรณ์ตามบทแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์โดยเร็วจะได้พยายามสังคายนาพระไตรปิฎกตามความในบทเฉพาะกาลแห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์และจะพยายามให้ทางศาสนาได้มีความสัมพันธ์เป็นอันดีกับทางอาณาจักรเพื่อส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทั้งในทางพระศาสนาและทางบ้านเมือง

               ๘. จะเร่งรัดการอบรมจิตใจ วินัย ความสามัคคี และวัฒนธรรมแก่นักเรียนตั้งแต่เยาว์วัยเพื่อให้เป็นพลเมืองที่เข้มแข็งในอนาคต กับจะดำเนินการขจัดเหตุที่ก่อให้เกิดการละเมิดศีลธรรมในหมู่ยุวชน

               รัฐบาลมีความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติงานของชาติให้สำเร็จสมบูรณ์ตามนโยบายที่แถลงมาข้างต้นนี้แต่การที่จะปฏิบัติให้เป็นผลสำเร็จได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่ายถึงเวลาที่ชาติต้องเรียกร้องให้ชนในชาติทุก ๆ คน มีสมานฉันท์เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อจะนำชาติผ่านพ้นวิกฤตกาลทางการเมืองของโลกรัฐบาลจึงมีความเชื่อมั่นว่าจะได้รับความร่วมแรงร่วมใจของสภาผู้แทนราษฎรและให้ความไว้วางใจแก่รัฐบาลตามบทบัญญัติมาตรา ๕๐ แห่งรัฐธรรมนูญเพื่อให้รัฐบาลคณะนี้สามารถดำเนินการบริหารไปตามนโยบายดังที่แถลงไว้ข้างต้นนั้น

*รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๑๓/๒๔๘๔ – ๒๔๘๕ (วิสามัญครั้งที่ ๓) สมัยที่ ๒ ชุดที่ ๓  วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๔๘๕ หน้า ๒๖๖ – ๒๗๗