คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒๕


คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒๕ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๙๕ – ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๐
แถลงนโยบาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๓ เมษายน ๒๔๙๕

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*

ท่านประธานสภาผู้แทนราษฎร และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติ

               ตามประกาศตั้งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๔๙๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรี บริหารราชการแผ่นดินข้าพเจ้า ได้จัดตั้งคณะรัฐมนตรีนำรายพระนามและนามรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯถวายและได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุมัติให้ตั้งคณะรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินสืบไป จึงขอแถลงนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของคณะรัฐมนตรีชุดนี้เพื่อสภาผู้แทนราษฎรจะได้พิจารณาให้ความไว้วางใจบริหารราชการแผ่นดินตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยดังต่อไปนี้

               ๑. รัฐบาลนี้จะเชิดชูทนุบำรุงพระพุทธศาสนา และให้ความช่วยเหลือศาสนาอื่น

               ๒. รัฐบาลนี้มีเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะผดุงรักษาระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เทิดทูนพระมหากษัตริย์บรมราชจักรีวงศ์ อันเป็นที่เคารพสักการะตลอดไป

               ๓. รัฐบาลนี้จะส่งเสริมการวัฒนธรรม ทั้งในทางคติธรรม นิติธรรม วัตถุธรรม และสหธรรมให้เป็นประเพณีประจำชาติยิ่งขึ้น

               ๔. รัฐบาลนี้จะส่งเสริมไมตรีอันมั่นคงกับนานาประเทศและปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศเชิดชูอุดมคติของสหประชาชาติและยึดมั่นอยู่ในฝ่ายเสรีประชาธิปไตยต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ผู้รุกรานประเทศชาติไทยให้ดีที่สุด

               ๕. รัฐบาลนี้จะตระเตรียมสรรพกำลังของชาติและสร้างกำลังรบสำหรับป้องกันรักษาราชอาณาจักรเพื่อเผชิญกับสถานการณ์ที่จะมารุกรานประเทศชาติไทยให้ดีที่สุด

               ๖. รัฐบาลนี้จะเคารพต่อหลักการเสรีภาพ สมภาพ ภราดรภาพนอกจากจะดำเนินตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแล้วรัฐบาลนี้จะเคารพยึดถือปฎิญญาสากลของสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิของมนุษยชนในการบริหารราชการแผ่นดินด้วย

               ๗. รัฐบาลนี้จะขยายการส่งเสริมช่วยเหลือประชาราษฎรในการอนามัยและการรักษาพยาบาล รวมทั้งการช่วยเหลือประชาราษฎรทางสวัสดิการให้ทวียิ่งขึ้น

               ๘. รัฐบาลนี้จะขยายการส่งเสริมให้เศรษฐกิจของชาติมีความเจริญรุ่งเรืองโดยเร็วเพื่อสร้างความผาสุกให้แก่ประชาราษฎรทั่วหน้าโดยอาศัยการสหกรณ์เป็นหลักสำคัญและจะปฏิบัติหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินทางเศรษฐกิจ ดังต่อไปนี้

                    ก) ขยายการส่งเสริมช่วยเหลือประชาราษฎรในเรื่องการแนะนำการหาทุนและเครื่องจักรทุ่นแรงให้ทวีมากยิ่งขึ้นตามกาลสมัย

                    ข) ขยายการส่งเสริมช่วยเหลือให้ประชาราษฎรมีที่ดินและเคหสถานบ้านเรือนเป็นกรรมสิทธิ์ของตนตามควรแก่อัตภาพ

                    ค) ขยายการส่งเสริมช่วยเหลือการประกอบอาชีพของประชาราษฎรในการผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารสำหรับมนุษย์และสัตว์ ตลอดทั้งการเลี้ยงสัตว์ให้เป็นผลดี ดังเช่นการชลประทานปุ๋ย พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ เหล่านี้เป็นต้น

                    ฆ) ขยายการส่งเสริมช่วยเหลือการอุตสาหกรรมของรัฐและเอกชนที่ทำการด้วยวัตถุดิบในประเทศให้กว้างขวางยิ่งขึ้นตลอดจนการอุตสาหกรรมในครอบครัวด้วยขยายการส่งเสริมช่วยเหลือให้ผู้ผลิตขายผลิตผลของตนได้ราคาที่สมควรและให้ผู้บริโภคหาซื้อสินค้าได้สะดวกในราคาพอเหมาะสมจะวางวิธีการติดต่อระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคให้ถึงกันสะดวกใกล้ชิดการกำหนดราคาด้วยการปิดป้ายราคาสินค้าการตั้งฉางและคลังสินค้าจะให้ผลดีสมปรารถนาในเรื่องเหล่านี้ซึ่งรัฐบาลนี้จะขยายการส่งเสริม
ช่วยเหลือยิ่งขึ้นต่อไปพร้อมด้วยมีประสิทธิภาพด้วย

                    ง) ขยายการส่งเสริมช่วยเหลือความสะดวกในการขนส่งการสื่อสารและการสัญจรไปมาให้ดียิ่งขึ้น

                    จ) รัฐบาลนี้จะรักษาค่าของเงินตราไทยให้มีเสถียรภาพตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยเงินตราตามเหตุผลที่สมควร

               ๙. เพื่อให้ได้ผลทั้งมวลที่กล่าวมานี้อย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลนี้จะให้การศึกษาและอบรมศีลธรรมอันดีแก่ประชาราษฎร โดยเฉพาอย่างยิ่งการอาชีวะศึกษา การพลศึกษาจะได้ขยายโรงเรียนเพิ่มครูผู้สอนให้มากยิ่งขึ้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาประชาบาล

               ๑๐. เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยและเพื่อปฏิบัติตามปฎิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของมนุษยชนรัฐบาลนี้จะเคารพต่ออิสรภาพของศาลตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยโดยเคร่งครัดด้วย

               ๑๑. รัฐบาลนี้จะเพียรพยายามจนสุดกำลังที่จะก่อสร้างมิตรภาพด้วยยุติธรรมต่อบุคคลทั่วไป

               ๑๒. รัฐบาลนี้มีความตั้งใจอันแน่วแน่ที่จะปฏิบัติงานของชาติให้สำเร็จตามนโยบายที่แถลงมานี้แต่การที่จะประสบผลสำเร็จเช่นนั้นก็จะต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจของท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ข้าราชการ ตลอดถึงประชาชนทั้งชาติ ที่จะช่วยกันนำชาติผ่านพ้นสถานการณ์อันตึงเครียดของโลกในเวลานี้และสร้างความศิริสวัสดิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลอันผาสุกแก่ประเทศชาติทั่วกันด้วย หวังว่าท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคงจะได้ร่วมกันด้วยไมตรีจิตมิตรภาพอันดีให้รัฐบาลนี้ได้เข้าบริหารราชการแผ่นดินตามความในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยสืบไป

*รายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ ๓/๒๔๙๕ (สามัญ) วันพฤหัสบดีที่ ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๕ หน้า ๓๔ – ๓๗

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของท่านได้โดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ เพื่อจดจำตัวเลือกต่างๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรียังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และ ไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

บันทึกการตั้งค่า