คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒๑


คณะรัฐมนตรี คณะที่ ๒๑ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม (แปลก ขีตตะสังคะ) เป็นนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๘ เมษายน ๒๔๙๑ – ๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๒
แถลงนโยบาย เมื่อวันพุธที่ ๒๑ เมษายน ๒๔๙๑

คำแถลงนโยบายของรัฐบาล*

ท่านประธานรัฐสภาฯ และท่านสมาชิกผู้มีเกียรติทั้งหลาย

ตามที่พระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ข้าพเจ้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจัดตั้งคณะรัฐบาลของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อบริหารราชการแผ่นดิน ตามประกาศตั้งนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๑ และประกาศตั้งและแต่งตั้งรัฐมนตรี ลงวันที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๑ นั้นบัดนี้ข้าพเจ้าขอแถลงนโยบายเพื่อรัฐสภาจะได้พิจารณาให้ความไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญฉะบับชั่วคราว มาตรา ๗๗ ดั่งต่อไปนี้ในขั้นต้นรัฐบาลนี้ขอเน้นให้แน่ชัดถึงเจตน์จำนงค์อันแน่วแน่ที่จะผดุงรักษาระบอบประชาธิปไตยเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพของปวงชนตามรัฐธรรมนูญทั้งจะพยายามหาทางให้ระบอบประชาธิปไตยมีรากฐานมั่นคงและดำเนินไป
ด้วยดียิ่งขึ้นเช่นจะเสนอกฎหมายตราระเบียบวิธีการเลือกตั้งให้มีการประกันในความสุจริตและยุติธรรม อนึ่งเรื่องจากเจตน์จำนงค์อันรัฐบาลนี้จะปรับปรุงสนับสนุนการเทศบาล และสภาจังหวัดซึ่งเป็นอุปกรณ์ค้ำจุนระบอบประชาธิปไตยอีกส่วนหนึ่งด้วย

รัฐบาลนี้จะเทอดทูนเคารพสักการะองค์พระมหากษัตริย์แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์และจะรักษาราชบัลลังก์ให้มั่นคงอยู่ชั่วนิรันดรทั้งจะเทอดทูนเกียรติพระราชวงศ์ที่ดำเนินเจริญรอยราชจริยาวัตร์

รัฐบาลนี้จะเชิดชูทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และให้ความช่วยเหลือแก่ศาสนาอื่นจะอาศัยทางศาสนาช่วยการศึกษาและอบรมประชาชนให้มีศีลธรรมอันดีงามยิ่งขึ้น

รัฐบาลนี้จะบำรุงกองทัพให้สมควรแก่ฐานะและความจำเป็นของบ้านเมือง

รัฐบาลนี้จะสนใจเป็นพิเศษในเรื่องการศึกษาของประชาชนจะพยายามให้พลเมืองได้รับการศึกษาโดยทั่วหน้ากัน ด้วยการจัดตั้งโรงเรียนต่าง ๆ ของรัฐบาล และประชาชนเพิ่มขึ้นทั้งปรับปรุงสมรรถภาพและเงินเดือนครู ส่วนโรงเรียนเอกชนรัฐบาลก็สนับสนุนให้เพิ่มพูนขึ้นทั้งคุณภาพและปริมาณ

รัฐบาลนี้จะผดุงรักษาพันธไมตรีกับนานาชาติโดยบริสุทธิ์ใจจะปฏิบัติตามพันธกรณีย์ที่มีกับประเทศทั้งหลายและจะร่วมมือกับองค์การสหประชาชาติในกิจการที่เป็นไปเพื่อสันติภาพและยุติธรรม ส่วนที่เกี่ยวกับชนต่างชาติที่เข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยนั้นก็จะพยายามหาทางให้ได้ร่วมมือร่วมใจกับชนชาวไทยประกอบกิจที่เป็นคุณประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายให้ชาวไทยกับต่างชาติได้อยู่ด้วยกันโดยความสงบสุข

ภาระอันสำคัญที่สุดซึ่งรัฐบาลนี้ถือเป็นงานรีบเร่งที่จะต้องทำการแก้ไข คือการครองชีพของประชาชน
โดยเหตุที่ประชาชนต้องเผชิญหน้ากับสถานะการณ์ปัจจุบันดั่งที่เป็นอยู่ อาทิเช่นเครื่องอุปโภคบริโภคแทบทุกอย่าง แม้ที่มีอยู่พอกินพอใช้ก็มีราคาแพงในลักษณาการเช่นนี้ย่อมเป็นที่เข้าใจได้ว่า ความแพงแห่งชีวิตมิได้อยู่ที่ราคาของอย่างเดียวแต่เป็นปัญหาภาวะของเงินตราซึ่งจะต้องรีบแก้ไขและในเวลาเดียวกันจำจะต้องสร้างรากฐานสังคมและความเป็นอยู่เป็นอยู่ของพลเมืองไว้ให้แข็งแรง เพื่อที่จะต้านทานความผันผวนของเหตุการณ์ในอนาคตฉะนั้นการแก้ปัญหาเรื่องการครองชีพ รัฐบาลนี้จึงจะดำเนินการในเรื่องเงินตราเรื่องราคาของและเรื่องรากฐานสังคม

๑. ในเรื่องเงินตรา จะสร้างเสถียรภาพของเงินตราโดยทำงบประมาณให้ได้ดุลยภาพและจัดให้เงินตรามีการหมุนเวียนโดยสมส่วน

๒. ในเรื่องราคาของ รัฐบาลนี้จะพยายามให้ราคาของถูกลงโดยวิธีเพิ่มผลผลิตส่งเสริมอุตสาหกรรมให้ความสะดวกในการขนส่ง และการจำหน่ายปราบปรามการแกล้งกักตุนและป้องกันการค้ากำไรเกินควร

๓. ในเรื่องรากฐานสังคม จะดำเนินการดังต่อไปนี้

ก.  จัดให้มีการประกันสังคม เพื่อประโยชน์แก่ผู้ประกอบอาชีพทางรับจ้าง

ข.  จะจัดตั้งและขยายสหกรณ์รูปต่าง ๆ ให้แพร่หลายโดยฉะเพาะอย่างยิ่งสหกรณ์ประเภทหาทุน สหกรณ์ขายข้าวและพืชผล สหกรณ์ผู้บริโภค และสหกรณ์เช่าซื้อที่ดิน

ค.  ส่งเสริมงานอาชีพโดยถือหลักให้ผู้ประกอบอาชีพสามารถเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าหรือโรงงานของตนเอง รัฐจะเคารพกรรมสิทธิและเสรีภาพในการประกอบกิจนั้น ๆ

ง.  กิจการใดที่เป็นการใหญ่เกินกำลังที่เอกชนจะทำได้ หรือเกี่ยวกับความปลอดภัยสาธารณะรัฐจะทำเอง โดยให้เอกชนได้มีส่วนหรือปล่อยให้เอกชนทำ โดยรัฐเข้าเป็นหุ้นส่วนตามสมควร

นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้วในบรรดากิจการบริหารราชการแผ่นดินทั้งมวลซึ่งรัฐบาลก่อน ๆ ได้ปฏิบัติมาด้วยดีรัฐบาลนี้จะดำเนินการต่อเนื่องเพื่อให้กิจการทุกอย่างดำเนินก้าวหน้าตามสมควรแก่กำลังคนและกำลังเงินให้ข้าราชการทุกกระทรวงทะบวงกรมปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยวิริยะอุตสาหะสุจริตต่อหน้าที่ และให้ได้ผลดีแก่ประเทศชาติมากที่สุดที่จะทำได้ทั้งจะให้ความเอาใจใส่
สนับสนุนให้ข้าราชการประจำมีความมั่นคงในฐานะและช่วยเหลือข้าราชการบำนาญข้าราชการนอกประจำการทั้งทหารและพลเรือนด้วย

*รายงานการประชุมรัฐสภา ครั้งที่ ๗ วันพุธที่ ๒๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๑ หน้า ๖๙๙ – ๗๐๓

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของท่านได้โดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ เพื่อจดจำตัวเลือกต่างๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรียังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และ ไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

บันทึกการตั้งค่า