กฏหมายสำคัญในราชกิจจานุเบกษา


ชื่อเรื่อง พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๖๐

หัวข้อ รายละเอียด
สาระสำคัญ เป็นการปับปรุงกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า โดยกำหนดให้มี

คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าโดยวิธีการสรรหา ซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและไม่เป็น

รัฐวิสาหกิจ มีฐานะเป็นนิติบุคคล กำหนดกติกาที่จะช่วยกำกับดูแลกลไกการแข่งขันทางการค้าในตลาดสินค้าและบริการเพื่อให้มีการพัฒนา

ผลิตภัณฑ์อย่าต่อเนื่อง ส่งเสริมการประกอบธุรกิจให้มีการแข่งขันอย่างเสรี และเป็นธรรมเสมอภาคเท่าเทียมกัน มีทั้งหมด ๖ หมวด รวม ๙๒ มาตรา

- กำหนดให้รัฐวิสาหกิจทุกประเภทต้องอยู่ภายใต้การบังคับตาม พ.ร.บ. นี้ โดยแก้ไขข้อยกเว้นกรณี จาก "เฉพาะในส่วนที่ดำเนินการตามนโยบาย

ของรัฐ" เป็น "เฉพาะในส่วนที่ดำเนินการตามมติของ ครม." ที่มีความจำเป็น เพื่อประโยชน์ในการักษาความมั่นคงของรัฐ ประโยชน์สาธารณะ

ผลประโยชน์ส่วนรวม หรือจัดให้มีสาธารณูปโภค เพื่อความชัดเจน ในการบังคับใช้กฎหมาย และสร้างความเป็นธรรมให้แก่การแข่งขันในตลาดสินค้า

หรือบริการที่มีรัฐวิสาหกิจเป็นผู้ประกอบธุรกิจร่วมอยู่ด้วย

- เพิ่มบทยกเว้นไม่ให้นำร่าง พ.ร.บ.ฯ ใช้บังคับแก่การกระทำของธุรกิจ ที่มีกฎหมายเฉพาะกำกับดูและในเรื่องการแข่งขันทางการค้าไว้แล้ว

- แก้ไขวิธีการได้มาซึ่งกรรมการใน คกก. การแข่งขันทางการค้า จากเดิมที่ให้ดำเนินการคัดสรร เป็นวิธีการสรรหา โดยให้มี คกก.สรรหา

คณะหนึ่งพิจารณาคัดเลือกเสนอต่อ รมว.พณ. เพื่อเสนอ ครม. ให้ความเห็นชอบ ก่อนเสนอ นรม. แต่งตั้ต่อไป

- ให้ คกก. มีอำนาจหน้าที่กำกับดูและการประกอบธุรกิจและกำหนดมาตรการเพื่อให้มีการแข่งขันทางการค้าอย่างเสรีและเป็นธรรม

- กำหนดบทบัญญัติเกี่ยวกับการป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม โดยกำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดกระทำการตามที่กำหนด เช่น

กำหนดหรือรักษาระดับราคาซื้อหรือขายสินค้าหรือค่าบริการอย่างไม่เป็นธรรม

- ให้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา และเพื่อประโยชน์ในการจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. นี้

ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และให้พนักงาน

เจ้าหน้าที่ซึ่งคณะกรรมการประกาศแต่งตั้งมีอำนาจสืบสวนและสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำความผิด พ.ร.บ. นี้เช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

- แก้ไขเพิ่มเติมให้ขอหมายค้นในกรณีที่จะต้องใช้อำนาจค้นตาม ป.วิ อาญา เว้นแต่เป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน

- ปรับปรุงบทกำหนดโทษให้มีลักษณะและสัดส่วนที่เหมาะสมกับความร้ายแรงของความผิด โดยกำหนดโทษอาญาสำหรับความผิด

ร้ายแรง และโทษปรับทางปกครองสำหรับกรณีที่ไม่รายงานการรวมธุรกิจ หรือการประกอบธุรกิจอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น

- ให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ หนี้ และงบประมาณของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานของ

สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ไปเป็นของสำนักงาน
ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ประชาชนโดยทั่วไป และผู้ประกอบธุรกิจ
วันที่มีผลบังคับใช้ พ้นกำหนด ๙๐ วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ๐๗ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ดาวน์โหลดไฟล์

เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของท่านได้โดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ เพื่อจดจำตัวเลือกต่างๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรียังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และ ไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

บันทึกการตั้งค่า